รพ.มาแรง! “โมเดอร์นฟอร์ม” แตกไลน์ธุรกิจเปิด “รพ.มะเร็งชีวามิตรา” ลุยธุรกิจเฮลท์แคร์

เทรนด์การเปิดโรงพยาบาลใหม่ยังเป็นที่นิยมในช่วงหลายปีมานี้ ได้เห็นโรงพยาบาลหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเป็นผู้เล่นรายใหม่ รวมถึงการแตกไลน์ธุรกิจเพิ่มเติม ล่าสุด “โมเดอร์นฟอร์ม” ทุ่มงบ 400 ล้าน เปิดโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา ลุยธุรกิจเฮลท์แคร์เต็มตัว

จากเฟอร์นิเจอร์ สู่เฮลท์แคร์

โมเดอร์นฟอร์ม กรุ๊ป ขยายธุรกิจใหม่ ส่งบริษัทลูก โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ รุกธุรกิจสุขภาพและการให้บริการทางการแพทย์ ลงทุน 400 ล้านบาท เปิด “โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา” โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ชูกลยุทธ์การแพทย์แบบบูรณาการ เน้นนำเสนอทางเลือกนวัตกรรมหลากหลาย ทั้งการฉายรังสีเร่งอนุภาคด้วยเทคนิคชั้นสูง 4 มิติ รังสีศัลยกรรม การบำบัดมะเร็งด้วยคลื่นความร้อนเฉพาะจุด ยาบำบัดแบบมุ่งเป้า ภูมิคุ้มกันบำบัด บริการกัญชาทางการแพทย์ บริการฝังเข็มและครอบแก้ว

เผยผู้ป่วยโรคมะเร็งในประเทศยังคงมีเพิ่มขึ้นและมีอัตราผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 ส่งผลให้ศูนย์รักษาโรคมะเร็งเฉพาะทางเป็นที่ต้องการ ประกอบกับธุรกิจด้านการแพทย์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตท่ามกลางยุคที่คนทั่วโลกหันกลับมา ‘ตื่นตัว’ เรื่องสุขภาพ ตั้งเป้า 2564 รายได้เติบโต 70%

ทักษะ บุษยโภคะ ประธานกรรมการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า

“นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์แล้ว โมเดอร์นฟอร์มยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจด้านต่างๆ ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธุรกิจด้านสุขภาพ ที่บริษัทได้เข้าลงทุนจัดตั้งบริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (มหาชน) “MHC” ตั้งแต่ปี 2548 ในสัดส่วน 95% คิดเป็นเงินลงทุน 150 ล้านบาท โดยเริ่มต้นทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้า ผลิต จัดจำหน่ายครุภัณฑ์ทางการแพทย์ รวมไปจนถึงออกแบบรับเหมาก่อสร้างพื้นที่ทางทำหัตถการต่างๆ ภายในโรงพยาบาล อาทิ ห้องปรับอากาศแรงดันบวก/ลบ Co-Hort Ward ห้องผ่าตัดไฮบริด ห้องสวนหัวใจ หอผู้ป่วยวิกฤติ หอผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นต้น  ปัจจุบันได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การให้บริการทางการแพทย์อย่างเต็มตัว เนื่องจากธุรกิจด้านการแพทย์เป็น 1 ใน 10 S-Curve ใหม่ที่มีศักยภาพเติบโต ท่ามกลางยุคที่คนทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเพื่อนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

รพ.เอกชนเฉพาะทางด้านมะเร็ง

การลงทุนของ MHC ในโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา จ.อุบลราชธานี ในสัดส่วน 40% คิดเป็นมูลค่า 60 ล้านบาท ร่วมกับทีมนายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้งบประมาณการก่อสร้างและจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ร่วม 400 ล้านบาท จะช่วยหนุนให้โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางโรคมะเร็งเอกชนแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ปัจจุบันประเทศไทยยังมีจำนวนโรงพยาบาลหรือศูนย์รักษาโรคมะเร็งเฉพาะทางที่ดูแลรักษาแบบครบวงจรไม่มากนัก  และกระจุกตัวในกรุงเทพมหานครเป็นส่วนใหญ่ ถือเป็นสาเหตุสำคัญของการเลือกจัดตั้งโรงพยาบาลในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ห่างไกลกรุงเทพฯ เพื่อช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

ซึ่งการเลือกจังหวัดอุบลราชธานีนั้นเป็นเพราะจังหวัดมีพื้นที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 และมีจำนวนประชากรมากติด 1 ใน 3 ของประเทศ มีความเจริญด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งยังตั้งอยู่ติดชายเขตแดนของ 2 ประเทศ ได้แก่ ประเทศลาว และกัมพูชา ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพที่จะเชื่อมต่อให้นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สามารถเดินทางเข้ามาใช้รับการบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา กล่าวเสริมว่า

“ชีวามิตรา” แปลว่าเป็นมิตรกับทุกชีวิต ยึดหลักดำเนินชีวิตด้วยมิตรภาพ ด้วยการมอบสิ่งที่ดีที่สุดในการรักษาเพื่อสร้างคุณค่าชีวิตที่ดีกว่าเดิม ด้วยปรัชญาการดำเนินงานที่เอาใจใส่ เป็นมิตรกับทุกชีวิตอย่างแท้จริง ทั้งผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยให้มีความสุขทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ ดังนิยาม “กาย…ต้องตรงจุด” “ใจ…ต้องดูแล” เสริมประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาควบคู่กับการดูแลเอาใจใส่ อย่างลึกซึ้งด้วยเทคโนโลยีการรักษาใหม่ล่าสุดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในประเทศมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเกือบ 100,000 รายต่อปี เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่จะพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งในระยะปลายแล้ว โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา เน้นการให้คำปรึกษาแบบเจาะลึกกับคนไข้แบบรายบุคคล ตามประเภทของโรคและอาการ ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการอย่างใกล้ชิด

ร่วมวางแผนการรักษาแบบผสมผสาน ทั้งในแบบการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และแพทย์แผนจีน ทั้งยังพร้อมรองรับผู้ป่วยในการตรวจคัดกรอง ให้คำปรึกษาปัญหาเรื่องโรคมะเร็งแบบครบวงจร จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้ข้อมูลกับผู้ป่วยเกี่ยวกับตัวเลือกในการรักษา และให้ผู้ป่วยสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจทุกขั้นตอน

นอกจากนี้ ยังเปิดมิติใหม่แห่งการฉายรังสีเร่งอนุภาค ด้วยเทคนิคชั้นสูง ได้แก่ 3 มิติ 4 มิติ รวมถึงรังสีศัลยกรรม การรักษามะเร็งด้วยความร้อน ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมพื้นที่ให้เคมีบำบัดที่เป็นส่วนตัว มองเห็นต้นไม้จากสวนหย่อมขนาดใหญ่แบบพาโนรามา สร้างบรรยากาศความผ่อนคลายใกล้ชิดธรรมชาติ ลดความตึงเครียด

โดยในปี 2564 ตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 70% และมีแผนขยายบริการที่ครอบคลุมทั้งแต่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ด้วยการตรวจหามะเร็งด้วยวิธีการใหม่ๆ รวมทั้งการให้บริการแพทย์ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งนี้ ในช่วงแรกมุ่งให้บริการผู้ป่วยในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง ทั้งยังพร้อมรับผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป. ลาว และกัมพูชา เมื่อสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย