นอกเหนือจากคอนวีเนียนสโตร์อย่าง 7-Eleven ที่ติดลมบนแล้ว ปี 2554 น่าจะเป็นปีทองของค้าปลีกไซส์เล็กอย่างแท้จริง เพราะไม่ติดปัญหากฎหมายค้าปลีก ขณะเดียวกันแนวโน้มผู้บริโภคนิยมความสะดวกจากร้านค้าปลีกมากกว่า
ธนภณ ตังคณานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (อดีตนายกสมาคมค้าปลีกไทย) วิเคราะห์ว่า ค้าปลีกไซส์เล็กจะเป็นทิศทางของค้าปลีกในปี 2554 มากกว่าจะเป็นค้าปลีกขนาดใหญ่อย่างไฮเปอร์มาร์เก็ต นั่นหมายความ บิ๊กซีจะต้องมองข้ามช็อตและเร่งรุดขยายไซส์เล็กอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะไล่บี้เทสโก้ โลตัส ที่ขยายแนวรบนี้มานานให้ทัน
รูปแบบค้าปลีกนิยมเวลานี้คือ มินิซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากจะทำให้บิ๊กซีขยายแบบ Short Cut เพิ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตได้เหนือเทสโก้แล้ว ยังเป็นทางออกของบิ๊กซี ไม่ต้องติดกฎหมายค้าปลีก
ส่วน CRC มุ่งเน้นการขยายสาขาด้วยตัวเองมากขึ้นแทนที่จะหวังพึ่ง CPN เพียงอย่างเดียว โดย Business Unit ต่างๆ ของ CRC ไม่ว่าจะเป็นโรบินสัน เพาเวอร์บาย ท็อปส์ ซูเปอร์สปอร์ต และอื่นๆ เปิดสาขา Stand Alone มากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับชุมชน
เทรนด์นี้ยังรวมถึง “ไลฟ์สไตล์มอลล์” ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในตรอกซอกซอยทั่วกรุงเทพฯปากซอยสุขุมวิท 24-26 มี ดิ เอ็มโพเรียม ลึกเข้าไปจรดถนนพระราม 4 มี เค วิลเลจ เราเห็นตรงข้ามซอยอารีย์มี ลา วิลล่า พหลโยธิน สุดถนนอารีย์สัมพันธ์มี อารีย์ การ์เด้น) และหัวเมืองใหญ่ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังรักการช้อปปิ้ง การใช้ชีวิตกิน ดื่มนอกบ้านอยู่ แต่เลือกที่จะจัดสรรชีวิตให้เข้ากับไลฟ์สไตล์มอลล์ใกล้บ้าน เพื่อเพิ่มเวลาสำหรับทำกิจกรรมอื่นๆ
ดังนั้นค้าปลีกขนาดเล็กๆ จึงทรงพลังและมาแรงยิ่งกว่าเคย ได้เปรียบเพราะประชิดติดชุมชน สามารถแวะมาจับจ่ายได้ทุกวัน ต่างจากค้าปลีกขนาดใหญ่ที่อาจแวะเวียนไปบ้างนานๆครั้ง