โมโนโพลีพาร์ค ขอดึงต่างชาติ

“ถ้าไปห้างสรรพสินค้า ต้องมีเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง แต่ถ้าไปไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ หรือคอมมูนิตี้มอลล์แถวบ้านใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง ก็ทำทุกอย่างได้ที่ต้องการ เพราะคนรุ่นใหม่ต้องทำงานเช้าถึงเย็น มีเวลาน้อย ไม่อยากไปไหนไกล หรือต้องใช้เวลามากนัก”

นี่คือไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่ที่ ”วุฒิภูมิ จุฬางกูร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจแม็กซ์ โมโนโพลี ในฐานะผู้บริหารโครงการโมโนโพลี พาร์ค ต้องทำความรู้จัก นอกเหนือจากการนำเสนอบริการที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง เพราะแม้ว่า ”โมโนโพลี พาร์ค” จะเป็นที่แรกบนถนนสายนี้ แต่ก็ไม่ง่าย เพราะอีกไม่นานจะมีคู่แข่งในระยะไม่เกิน 2 กิโลเมตรเปิดตัว และทางเลือกของผู้บริโภคมีมากในย่านนี้ ตั้งแต่ร้านอาหาร ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าที่กระจายตัวไปทั่ว เช่น เซ็นทรัล โลตัส พระราม 3 คำถามคือว่าต้องหาคำตอบให้ได้ว่า ”ทำไมกลุ่มเป้าหมายต้องมาที่นี่”

“วุฒิภูมิ” มองเห็นโอกาสของธุรกิจนี้ ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วในช่วงเศรษฐกิจขาลง การมีที่ดินในแลนด์แบงก์อยู่แล้ว และการลงทุนมีต้นทุนถูก โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จก็สามารถให้เช่าพื้นที่ในราคาที่แข่งขันได้ คือ 700 บาทต่อตารางเมตร ถ้าเทียบกับห้างสรรพสินค้าในย่านเดียวกันแล้วจึงถูกกว่าหลายเท่า ความเหมาะสมของสถานที่ คือทางลงของสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม ที่รองรับนักธุรกิจโดยเฉพาะนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น จากย่านนิคมอุตสาหกรรมฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ จึงเป็นแหล่งที่เหมาะกับการแวะทานอาหาร นอกเหนือจากเวลากลางวันที่รองรับพนักงานสำนักงานต่างๆ และเวลาอื่นๆ ที่มีครอบครัวมารับประทานอาหารซึ่งครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย 3-6 ตารางกิโลเมตร จำนวนประมาณ 2 แสนครัวเรือน โดยคาดว่าจะมีกลุ่มเป้าหมายมาใช้บริการเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000-2,000 คน คนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1,000-2,000 บาท (รวมการช้อปปิ้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย)

สำหรับคอนเซปต์หลักคือการเน้นร้านอาหาร ที่ไม่แมส ไม่แฟรน์ไชส์ เป็นแบรนด์ใหม่ที่มีจุดขาย อย่างเช่น ”ฮาจิเมะ” ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟด้วยหุ่นยนต์ คือแผนที่ ”วุฒิภูมิ” บอกว่าไม่เพียงทำให้คนสนใจร้านอาหาร แต่คือทำให้คนสนใจ ”โมโนโพลี พาร์ค” ด้วย

เวลาเป็นสิ่งมีค่าสำหรับลูกค้า ร้านอาหารที่นี่ โดยเฉพาะเวลากลางวัน จึงวางคอนเซ็ปต์ว่าต้องบริการเพื่อให้ลูกค้าทานให้เสร็จภายใน 45 นาที เผื่อเวลาการเดินทางสำหรับไปกลับทำงานของลูกค้า นอกจากฮาจิเมะแล้ว เขายังดึงร้านน้ำแข็งใส สโนว์วี่ไอซ์ ของ ”ฟิล์ม รัฐภูมิ” มาเป็นอีกหนึ่งแม่เหล็ก และสำหรับซูเปอร์มาร์เก็ตจะมีแบรนด์จากฝรั่งเศสมาให้บริการ เน้นสินค้าอาหารพร้อมปรุงสำหรับแม่บ้านยุคใหม่ที่อยากปรุงอาหารเอง แต่ต้องการวัตถุดิบที่เตรียมพร้อมให้ที่สุด

“วุฒิภูมิ” บอกว่า ธุรกิจใหม่ที่เป็นเทรนด์ อย่างไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์นั้นเราต้องถามตัวเองว่ามีความพร้อมหรือไม่ การที่เรายังใหม่อยู่ ต้องดึงผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษา ธุรกิจนี้ไม่ง่าย จึงไม่ใช่ว่านึกว่าจะทำก็ทำ แค่ตามเทรนด์เท่านั้น