CARRO มาร์เก็ตเพลซ “รถมือสอง” หวังเจาะตลาดด้วย AI สแกนตำหนิรถผ่านรูปถ่าย

CARRO (คาร์โร) สตาร์ทอัพสัญชาติสิงคโปร์ หลังบุกไทยเมื่อ 4 ปีก่อน ปีนี้เตรียมส่งเทคโนโลยีใหม่ลุยตลาด “รถมือสอง” ใช้ระบบ AI ตรวจจับตำหนิบนตัวรถในรูปถ่าย สร้างความเร็วในการตรวจรถเพื่อให้ซื้อขายไว วางแผนเปิดศูนย์รับรถ Carro Automall เพิ่มอีก 2 แห่ง ทุ่มงบการตลาด 100 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ขึ้นเป็น Top 3 ของตลาดรถมือสองภายใน 2 ปี

CARRO บริษัทสตาร์ทอัพตัวกลางซื้อขายรถมือสองก่อตั้งขึ้นที่สิงคโปร์เมื่อปี 2558 ก่อนขยายตลาดไปใน 4 ประเทศ คือ สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพิ่งระดมทุนรอบ Series C สำเร็จ ได้รับเงินลงทุน 360 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,800 ล้านบาท) โดยมีหนึ่งในยักษ์ใหญ่ที่ร่วมลงทุนด้วยคือ Softbank Vision Fund 2 ทำให้ขึ้นแท่นเป็น “ยูนิคอร์น” ตัวแรกในวงการธุรกิจซื้อขายรถของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

­­กลยุทธ์ของ CARRO คือการทำหน้าที่เป็นมาร์เก็ตเพลซ ใช้ระบบออนไลน์เป็นตัวกลางซื้อขาย ผู้ใช้รถทั่วไปเมื่อต้องการขาย ไม่จำเป็นต้องตระเวนขับรถไปให้เต้นท์รถมือสองตีราคาหลายๆ แห่ง แต่ส่งรถเข้าระบบของ CARRO หลังเช็กสภาพแล้วนำขึ้นแพลตฟอร์มประมูลออนไลน์ โดย CARRO มีเครือข่ายเต้นท์รถมือสองที่เป็นพันธมิตรกว่า 3,000 แห่งทั่วไทย ซึ่งเต้นท์รถเหล่านี้จะเป็นผู้ประมูลซื้อ

ฝั่งผู้ซื้อทั่วไปสามารถซื้อผ่าน CARRO ได้เช่นกัน จากปกติผู้ซื้อจะไปที่เต้นท์รถมือสองเพื่อดูรถและทดลองขับ หากสนใจรถใน CARRO บริษัทจะส่งรถไปให้ลองขับถึงบ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

“อรรณพ เกษตระทัต” ซีอีโอ บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด

นอกจากผู้ใช้รถทั่วไปและเต้นท์รถแล้ว CARRO ยังมีพันธมิตรอื่นๆ เช่น โชว์รูมรถที่ลูกค้าอาจนำรถเก่ามาเทรดซื้อรถใหม่ หรือองค์กรที่ใช้รถเป็นลอตใหญ่ กลุ่มนี้บริษัทจะเข้าไปรับเป็นตัวกลางขายรถ รวมถึงมีบริการใหม่คือ Floor Auction (ลานประมูล) จัดประมูลขายรถลอตใหญ่ขององค์กรต่างๆ โดยดำเนินการทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์

“อรรณพ เกษตระทัต” ซีอีโอ บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2564 ผลประกอบการของบริษัทโตขึ้นจากปีก่อน 6 เท่า เป็นตลาดสำคัญที่บริษัทจะลงทุนต่อเนื่องหลังได้รับเงินระดมทุน Series C โดยมีเป้าหมายขึ้นเป็นแบรนด์ Top of Mind สามอันดับแรกในใจผู้บริโภคเมื่อต้องการซื้อขายรถมือสองภายใน 2 ปี

(ทั้งนี้ บริษัทไม่เปิดเผยจำนวนรถที่มีในระบบ ตัวเลขรายได้ หรือจำนวนการซื้อขายต่อวัน)

 

ใช้ AI สร้างความไวในตลาด

อรรณพกล่าวว่า ปีนี้ในไทยจะมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเสริม โดยใช้ ระบบ AI ช่วยประเมินสภาพรถก่อนลงขาย และทำให้ผู้ซื้อเห็นรถได้เสมือนจริง ดังนี้

1.หลังจากผู้ขายอัปโหลดภาพรถขึ้นระบบ AI จะสแกนภาพเพื่อตรวจจับรอยตำหนิต่างๆ บนตัวรถได้ 200 จุด

2.ระบบ AI ตรวจสอบจากเสียงเครื่องยนต์ของรถที่นำมาขาย เทียบกับเสียงเครื่องยนต์ปกติของรถรุ่นเดียวกัน เพื่อตรวจสภาพเครื่องยนต์

3.สร้างระบบภาพถ่าย 360 องศาทั้งในและนอกตัวรถ เพื่อให้ผู้ซื้อชมรถได้เสมือนจริง

Carro Automall

การมีระบบเหล่านี้จะทำให้การตรวจสอบรถและนำขึ้นประมูลขายรวดเร็วยิ่งขึ้น ฝั่งผู้ซื้อจะซื้อรถได้สะดวก เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น

อรรณพกล่าวเสริมว่า สถานการณ์ COVID-19 นั้นมีผลเชิงลบกับตลาดรถมือสองอยู่บ้างเพราะทำให้ซัพพลายในตลาดหดตัว แต่สำหรับบริษัทแล้วมีผลในเชิงบวกด้วย เพราะการลดการออกจากบ้านเป็นภาคบังคับให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น เกิดประโยชน์กับบริษัทที่ทำระบบซื้อขายรถออนไลน์

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ทิ้งการมีจุดออฟไลน์ โดยมี Carro Automall ไว้รองรับ เป็นทั้งโชว์รูมรถ ศูนย์ทดลองขับ และศูนย์รับรถที่ลูกค้าจองไว้ ขณะนี้มี 2 สาขาคือ เกษตร-นวมินทร์ และ ดอนเมือง โดยปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

 

วางเป้าเป็นแบรนด์ Top 3 ใน 2 ปี

เป้าหมายของ CARRO ในไทยคือต้องการขึ้นเป็นแบรนด์ Top 3 ของตลาดรถมือสองใน 2 ปี โดยอรรณพกล่าวว่า CARRO จะใช้งบการตลาดมากกว่า 100 ล้านบาทในปีนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ เน้นประเด็นเรื่องเทคโนโลยีที่สร้างความแตกต่าง

ทั้งนี้ KKP Research กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ระบุเมื่อปี 2563 ว่า เว็บไซต์ตลาดรถมือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในไทยปัจจุบันคือ One2Car

รายงานจาก KKP Research เมื่อปีก่อนยังระบุด้วยว่า ตลาดรถยนต์ทั้งหมดหดตัวลง แต่ตลาดรถมือสองหดตัวน้อยกว่ารถใหม่ โดยช่วงครึ่งปีแรก 2563 รถใหม่หดตัวถึง -37% แต่รถมือสองหดตัว -15% เท่านั้น เนื่องมาจากผู้บริโภคระวังการใช้จ่ายมากขึ้นช่วง COVID-19 จึงเปลี่ยนจากการซื้อรถป้ายแดงมาเป็นรถมือสองที่ราคาประหยัดกว่า

ขณะที่ปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ไว้ตั้งแต่เดือนมกราคมว่า ตลาดรถมือสองปีนี้จะยังซบเซาไปตลอด 9 เดือนแรกของปี และจะทยอยฟื้นตัวตามจังหวะเศรษฐกิจ แต่ในแง่ราคานั้นมีแนวโน้มจะปรับขึ้น เพราะซัพพลายรถมือสองที่ขายเข้ามาเริ่มลดลง จากผู้ที่ซื้อรถผ่านโครงการรถคันแรกได้ทยอยขายแล้วเป็นส่วนใหญ่ (ปี 2560-62)

ด้านอรรณพมองสภาวะตลาดขณะนี้ยังไม่กระทบกับบริษัท แต่ในระยะยาว หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และมีการซื้อรถใหม่น้อยลง ซึ่งจะกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้รถมือสองเข้าสู่ตลาดน้อยลง เมื่อนั้นจะมีผลทำให้ซัพพลายขาดตลาด