“จอห์น แมคอาฟี” ผู้ก่อตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส ฆ่าตัวตายในคุกสเปน คดีติดตัวยาวเหยียด

จอห์น แมคอาฟี ในเมืองฮาวานา คิวบา ถ่ายเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2019 (Photo by Jose GOITIA/Gamma-Rapho via Getty Images)
จอห์น แมคอาฟี ผู้ก่อตั้งโปรแกรมไวรัสดัง McAfee ฆ่าตัวตายในคุกสเปน หลังศาลสเปนตัดสินให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปสหรัฐฯ เพื่อรับโทษคดีหนีภาษี ประวัติชีวิตแมคอาฟีหลังขายบริษัทที่ก่อตั้งช่วงทศวรรษ 1990s โชกโชนไปด้วยคดีความผิดทางการเงิน ปืน ยาเสพติด ฯลฯ เขาเคยถูกจับรวม 21 ครั้งใน 11 ประเทศ

เมื่อวันพุธที่ 23 มิถุนายน 2021 รายงานข่าวสเปนหลายแหล่งเปิดเผยว่า “จอห์น แมคอาฟี” ผู้ก่อตั้งบริษัทโปรแกรมป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ McAfee วัย 75 ปี เสียชีวิตภายในเรือนจำเมืองบาร์เซโลนา โดยเห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำอัตวินิบาตกรรม

เขาเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากศาลสเปนตัดสินให้ส่งตัวเขาเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับสหรัฐฯ เพื่อไปรับโทษเกี่ยวกับคดีหนีภาษีซึ่งเขาอาจจะถูกตัดสินด้วยบทลงโทษสูงสุดคือจำคุก 30 ปี

กระทรวงยุติธรรมคาตาลันเปิดเผยกับสำนักข่าว Reuters ว่าความตายของแมคอาฟีเกิดจากการฆ่าตัวตาย และสำนักข่าว AP มีแหล่งข่าววงในระบุว่า หน่วยงานรักษาความปลอดภัยพยายามที่จะกู้ชีพแมคอาฟีกลับมาแต่ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การตายของแมคอาฟียังถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

แม้ว่าเขาจะมีสิทธิอุทธรณ์คำตัดสินให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน “ฮาเวียร์ บิลญาบา” ทนายความของแมคอาฟีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า แมคอาฟีไม่สามารถอดทนกับการถูกจำคุกในสเปนได้อีกแล้ว

 

ชายผู้มีคดีทั่วโลก

แมคอาฟีถูกจับที่บาร์เซโลนาเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ด้วยคดีหลบเลี่ยงภาษีที่ศาลรัฐเทนเนสซี สหรัฐฯ เขาถูกจำคุกในสเปนไว้ก่อนระหว่างรอการตัดสินเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยเขาพยายามต่อสู้กับการตัดสินใจส่งตัวกลับสหรัฐฯ ด้วยการอ้างว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นผลมาจากอิทธิพลทางการเมือง

ประวัติชีวิตของแมคอาฟีนั้นโชกโชนไปด้วยคดีความ ย้อนกลับไปยุคทศวรรษ 1990s เขาเป็นยักษ์ใหญ่ในโลกเทคโนโลยีจากก่อตั้ง McAfee บริษัทโปรแกรมป้องกันไวรัส จากนั้นเขาได้ขายหุ้นที่มีในบริษัทจนหมด คิดเป็นมูลค่าราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,100 ล้านบาท)

ต่อมาการขายหุ้นเหล่านี้ถูกฟ้องร้องโดยศาลแห่งรัฐเทนเนสซีในข้อหาหลบเลี่ยงภาษี รวมถึงยังถูกฟ้องเรื่องหนีภาษีจากรายได้การโปรโมตสกุลเงินคริปโต และการขายสิทธิทำสารคดีเกี่ยวกับชีวิตของเขา

บัญชี Twitter ของจอห์น แมคอาฟี มีผู้ติดตามถึง 1.1 ล้านคน

คดีภาษีเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการทำผิดกฎหมายของแมคอาฟี (ตัวเขาเองมักจะอวดอ้างบน Twitter บ่อยครั้งเรื่องที่ไม่ได้จ่ายภาษี และยกย่องสกุลเงินคริปโตว่าเป็นหนทางป้องกันไม่ให้รัฐบาลเก็บภาษีใครได้) หลังจากนั้นเขาเดินทางไปรอบโลกหลายทศวรรษและไปเกี่ยวข้องกับคดีมากมายทั้งคดีฉ้อโกงหลักทรัพย์และฟอกเงิน โดยเขาใช้บัญชี Twitter ตัวเองหลอกลวงนักลงทุนไปได้หลายล้านเหรียญ

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเพื่อนบ้านในประเทศเบลิซ (อยู่ในทวีปอเมริกากลาง) เมื่อปี 2008 แม้จะไม่เคยถูกจับกุมก็ตาม The Washington Post รายงานว่าตัวแมคอาฟีเคยนับคดีของตัวเองไว้ว่า ตนเคยถูกจับถึง 21 ครั้งใน 11 ประเทศ เกี่ยวกับพันกับคดีความรุนแรงจากอาวุธปืน ค้ายาเสพติด ฯลฯ

ทั้งที่มีคดียาวเป็นหางว่าว แต่เขาเคยมีแคมเปญสั้นๆ หวังจะขอสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 และอีกครั้งเมื่อปี 2020

แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่บัญชี Instagram ของแมคอาฟียังเคลื่อนไหว โดยล่าสุดทีมโซเชียลมีเดียของแมคอาฟีใช้บัญชีเขาโพสต์ภาพตัว “Q” ขนาดใหญ่สีดำบนพื้นหลังสีขาว ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นสัญลักษณ์หมายถึง “QAnon” (คิวอะนอน) ทฤษฎีสมคบคิดของฝ่ายขวาจัด ความเชื่อของกลุ่มนี้คือมองว่าสหรัฐฯ มีลักษณะของ “รัฐซ้อนรัฐ” (deep state) โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ พรรคเดโมแครต และเซเลบคนดังต่างรวมหัวกันสร้างภาพว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” และกลุ่มผู้ติดตามเกี่ยวพันกับการค้าโสเภณีระดับนานาชาติ ซึ่งแมคอาฟีแสดงออกว่าเชื่อในทฤษฎีรัฐซ้อนรัฐนี้ (ขณะนี้บัญชี Instagram ของเขาถูกปิดไปแล้ว)

แน่นอนว่าความตายของแมคอาฟีทำให้หลายๆ คนมีทฤษฎีสมคบคิดใหม่ขึ้นมาว่า เขาไม่ได้ฆ่าตัวตายแต่ถูกฆาตกรรม เช่นเดียวกับ “เจฟฟรีย์ เอปสตีน” อาชญากรคดีอาชญากรรมทางเพศที่ฆ่าตัวตายในคุกไปก่อนหน้านี้

Source