ความสนิทสนมระหว่างเพื่อนร่วมงานทำให้งานออกมาดีขึ้นและการทำงานมีความสุขขึ้น แต่เมื่อหลายบริษัทยังต้อง Work from Home กันต่อไป การไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน หรือจับกลุ่มคุยเล่นระหว่างเบรกที่ช่วยสานสัมพันธ์ก็หายไป …แล้วจะรักษาความสัมพันธ์แบบนั้นไว้ได้อย่างไรล่ะ
งานวิจัยจาก Harvard Study of Adult Development พบว่า ความสัมพันธ์ที่แข็งแรงระหว่างเพื่อนร่วมงานทำให้คนทำงานมีความสุขขึ้นในระยะยาว ขณะที่ เจน ฟิชเชอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายคุณภาพชีวิตของ Deloitte กล่าวเช่นกันว่า ดูจากชีวิตของเราเองที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ยามตื่นนอนไปกับที่ทำงาน การมีมิตรภาพที่ดีในออฟฟิศจึงเป็นประโยชน์
“ธรรมชาติของการทำงานของเรานั้นต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันยิ่งกว่าที่ผ่านมา” ฟิชเชอร์กล่าว “ความสัมพันธ์ที่มีความหมายในออฟฟิศจะเป็นเบาะรับแรงกระแทกในสถานการณ์ที่ตึงเครียด และยังส่งผลต่อเนื่องในการบริหารองค์กร ช่วยลดการขาดงาน ทำให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น คุณภาพงานดีขึ้น และเกิดความภักดีต่อองค์กร”
“การมีความรู้สึกว่า ‘เราสู้ไปด้วยกัน’ จะทำให้แม้แต่ภูเขาลูกใหญ่กลับถูกมองว่าเราจะปีนขึ้นไปได้สำเร็จ เพราะพนักงานรู้สึกได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทีมของตน” ดร.ลอร่า กัลป์ลาเกอร์ นักจิตวิทยาองค์กร ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา Gallaher Edge กล่าว
แต่เมื่อสถานการณ์ปัจจุบันของการทำงานยังอยู่ในช่วง Work from Home (และอาจจะกลายเป็นนโยบายระยะยาวด้วย) คนทำงานจะสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกันได้อย่างไร? เหล่านี้คือคำแนะนำจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญ
1.ใช้เทคโนโลยีสานสัมพันธ์
ฟิชเชอร์จาก Deloitte อธิบายสถานการณ์การทำงานระยะไกลว่า “แทนที่เราจะได้เดินทักทายเพื่อนร่วมงานในโถงทางเดิน และได้คุยกันแบบเห็นหน้าเห็นตา เรากลับต้องมาคุยกันทางแอปฯ แชทหรืออีเมลแทน เครื่องมือเหล่านี้ทำให้งานเสร็จก็จริง แต่มันได้ลบความเป็นมนุษย์และการสร้างสัมพันธ์ระหว่างกันไประหว่างขั้นตอนทำงาน”
แต่เนื่องจากเรากำลังทำงานระยะไกล เทคโนโลยีก็เป็นตัวเลือกเดียวที่เรามีเพื่อจะสร้างสัมพันธ์ โดยฟิชเชอร์แนะนำว่าที่ทำงานต้องระมัดระวังการใช้งาน เช่น ไม่ใช้ช่องทางเดียวกันในการคุยเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว อาจจะแยกเรื่องส่วนตัวไปคุยกันบนโซเชียลมีเดียเท่านั้น เป็นต้น
ด้านดร.กัลลาเกอร์ นักจิตวิทยาองค์กรระบุว่า ออฟฟิศสามารถสร้างสัมพันธ์ออนไลน์กันได้ผ่านการพูดคุยเล่นแบบ ‘ไม่เป็นทางการ’ ก่อนหรือหลังประชุมจริงสัก 5 นาที หากทำเช่นนี้ทุกครั้ง ความผูกพันจะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
เธอยังเตือนด้วยว่า บางบริษัทอาจกำลังทำตาราง ‘Zoom Happy Hour’ ให้คนประชุมผ่าน Zoom เพื่อมาคุยเล่นกัน แต่จริงๆ แล้วตารางลักษณะนี้ไม่เหมาะ เพราะทำให้คนรู้สึกว่ามี ‘ตารางงาน’ เพิ่มบนปฏิทินของตัวเอง
ฟิชเชอร์แนะเพิ่มเติมว่า การคุยเล่นระหว่างกันไม่ควรจะถามคำถามผิวเผินอย่าง “สบายดีไหม” เพราะคนก็จะตอบแค่ว่า “สบายดีค่า/ครับ” แล้วก็เข้าเรื่องงานทันที แต่ควรจะถามคำถามที่สนใจคู่สนทนาจริงๆ และทำให้ได้คุยเล่นกันต่อ เช่น “ช่วงนี้มีปัญหานอนไม่หลับไหม” ซึ่งเธอพบว่าคนมักจะมีคำตอบและท่าทีต่างๆ กัน
2.สร้างความเชื่อใจ
ฟิชเชอร์แนะนำว่า คุณควรจะให้เกียรติเพื่อนร่วมงานเมื่อพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องส่วนตัวในชีวิตอยู่ “ขอให้แน่ใจว่า คุณอยู่หน้าจอและมีส่วนร่วมกับสิ่งที่ฟัง กำจัดสิ่งรบกวนก่อนเข้าสาย โดยเฉพาะเมื่อวิดีโอคอลแบบตัวต่อตัวหรือเป็นกลุ่มเล็ก ซึ่งจะเห็นได้ชัดมากถ้าคุณหันไปสนใจสิ่งอื่น”
ผู้นำยังเป็นคนสำคัญที่จะสร้างความเชื่อใจในทีม ผู้จัดการหรือหัวหน้าควรจะเป็นตัวอย่างในการสร้างมิตรภาพ เชื้อเชิญให้คนในทีมทำตาม
ความเชื่อใจในทีมเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะทำให้ทีมเป็นปึกแผ่นมากขึ้น ดร.กัลลาเกอร์ยกตัวอย่างว่า “หากเราไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน และเมื่อคนคนหนึ่งมาเข้าประชุมเลท เราอาจจะเริ่มสร้างเรื่องในหัวแล้วว่าเขาหรือเธอคนนั้นไม่ให้ความสำคัญกับเวลาของเราเลย แต่ถ้าเรามีความเชื่อใจ ก็มีแนวโน้มว่าเราจะสร้างสมมติฐานแบบใจกว้างมากกว่า เป็นความสงสัยถึงสาเหตุของการมาสาย มากกว่าความโมโห”
3.มีขอบเขตของความเป็นเพื่อน
เหตุผลใหญ่ที่สุดข้อหนึ่งที่ทำให้คนทำงานลังเลที่จะเป็นเพื่อนกับคนในออฟฟิศคือ หลายคนกลัวว่าความสัมพันธ์จะล้ำเส้นเกินไป โดยเฉพาะกลุ่มคนระดับบริหาร
ผู้จัดการหรือกระทั่งเพื่อนร่วมงานเองเกรงว่า การมีมิตรภาพที่ดีต่อกันจะทำให้เราไม่กล้าให้ความเห็นเชิงลบกับใครบางคนถ้าเขาทำสิ่งที่ผิดพลาด
นอกจากนี้ บางคนก็กลัวว่าความเป็นเพื่อนทำให้บางคนก้าวล้ำเส้นแบ่งเวลางานกับเวลาส่วนตัว แต่ถ้าหากแต่ละคนสามารถขีดเส้นได้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องส่วนตัว และเรื่องไหนคือการทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานก็จะยั่งยืน
การสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานในช่วงโรคระบาดและการ Work from Home อาจจะยากขึ้น แต่ฟิชเชอร์ย้ำว่า กุญแจสำคัญคือการสร้างมันอย่างตั้งใจ