ธนพร คลินิก หนี Mass ชนตลาดบน

ใน 5 ปีแรกยังมีเพียง 2 สาขา แต่เมื่อมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น และอุปกรณ์เลเซอร์ไม่ใช่ความต่าง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจึงต้องเร่งเพิ่มสาขาอย่างชนิดที่”นพ.ธนวิศว์” ไม่ทันตั้งตัว จาก 2 เป็น 11 สาขาทั่วประเทศ และในปีนี้จะเพิ่มอีกเป็น 18 สาขา ด้วยเหตุผลเพราะมีทางเลือก 2 ทางเท่านั้น คือขยายสาขา เพื่อหาลูกค้าเพิ่ม หรือจะมีส่วนแบ่งในตลาดลดลง เพราะคู่แข่งกระหน่ำเปิดสาขา จนอาจทำให้แบรนด์ธนพรหายไปในที่สุด

จากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว “ธนพร คลินิก” จึงเพิ่งจดทะเบียนเป็นบริษัทเมื่อปี 2552 เริ่มมีนักการตลาดเข้ามาเสริมทัพ จากเดิมที่มีทีมแพทย์และทีมงานดูแลการบริหารจัดการเป็นหลัก หลังจากที่กลุ่มแบรนด์ Mass อย่าง วุฒิ-ศักดิ์ นิติพล และพรเกษม ที่ทุ่มกลยุทธ์การตลาดจนส่งเสียงดังกันอย่างเต็มที่

การต่อสู้ในธุรกิจนี้ ”ธนพร คลินิก” ต้องวาง Positioning ของตัวเองไว้อย่างชัดเจนว่าเน้นกลุ่มคนทำงาน 25-40 ปี เพราะมีกำลังซื้อ พร้อมจ่ายคอร์สละไม่ต่ำกว่า 10,000-20,000 บาท แม้จะเริ่มจากการเป็นคลินิกในอาคารพาณิชย์ ลูกค้าจ่ายไม่กี่ร้อยบาทเหมือนแบรนด์อื่นๆ ก็ตาม

สิ่งที่ ”ชยุตม์กันต์ พงศ์จิรกร” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ธนพร คลินิก บอกเพิ่มคือ โอกาสทางธุรกิจนี้คือจำนวนคนอายุมากกว่า 25 ปีเพิ่มขึ้น มีกำลังซื้อและสนใจดูแลสุขภาพ นั่นคือเหตุผลที่ต้องจับกลุ่มนี้ให้ได้ และยังเป็นการฉีกตัวเอง เพื่อหนีแบรนด์ที่จับ Mass และวัยรุ่น

การหนีมาของธนพร คลินิกก็ทำให้ขยับมาชนกลุ่มบนอย่าง ”รมย์รวิน” ซึ่ง ”ธนพร คลินิก” ต้องเดินเกมด้วยการใช้ Price Strategy คือถูกกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนจุดอ่อนเรื่องจำนวนสาขา อาจกลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้แต่ละสาขาทำเงินได้มากขึ้น เพราะ ”นพ.ธนวิศว์” มองว่าการขยายสาขาโดยแต่ละแห่งเครื่องมือไม่ครบ จะทำให้ลูกค้าไม่ได้รับบริการที่ต้องการจริง ดังนั้นการเพิ่มสาขาของ ”ธนพร” จึงต้องคำนึงถึงความพร้อมของเครื่องมือ ซึ่งต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อสาขา ต่างจากกลุ่ม Mass ที่เร่งขยายสาขาได้เต็มที่ โดยบางแห่งเครื่องมือไม่พร้อม

ไม่เพียงกรุงเทพฯ และชานเมืองเท่านั้นที่ ”ธนพร คลินิก” ต้องต่อสู้ แต่ในต่างจังหวัดก็เข้มข้นอย่างล่าสุดที่ ”เซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต” ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ”ธนพร คลินิก” ใช้กลยุทธ์ดึงเซเลบริตี้ของพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมาร่วมอีเวนต์เปิดตัว เป็นโมเดลที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ที่โคราช จนแบรนด์เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่

ในกระแสที่ความงาม คือลมหายใจเข้าออกของคนไทย ทำให้ธุรกิจนี้แข่งขันกันอย่างรุนแรง สิ่งที่ ”ธนพรคลินิก” ไม่ได้เน้นมากก่อนอย่าง ”การตลาด” เวลานี้ก็ได้กลายเป็นส่วนผสมสำคัญ ซึ่งไม่เพียงเรื่องของหมอ ยา และเครื่องมือที่ช่วยดึงลูกค้าเท่านั้น แต่แบรนด์ ก็เป็นสิ่งที่ ”ธนพร คลินิก” ต้องให้ความสำคัญ เพราะสถานการณ์ของธุรกิจความงามนับจากนี้คือความรุนแรงในการแข่งขัน การนิ่งเฉย อาจทำให้รายได้โตได้ไม่สวยพอ

Profile ธนพร คลินิก
Positioning คลินิกความงามที่เน้นเครื่องมือแพทย์ C+
สโลแกน “หายเร็ว หายจริง และคุ้มค่า”
สี ฟ้า หมายถึงสุขภาพดี สีเทา หมายถึงนวัตกรรม
ก่อตั้ง ปี 2545 ที่อาคารพาณิชย์ย่านดินแดง
จำนวนสาขาปัจจุบัน 11 สาขา
จำนวนแพทย์/พนักงาน 20/200 คน
กลุ่มเป้าหมายหลัก วัยทำงาน อายุ 25 ปีขึ้นไป
ค่าใช้จ่าย 6,000-12,000 บาทต่อ 1 โปรแกรมความงาม
กลยุทธ์การตลาดเด่น – แบรนด์แอมบาสเดอร์ ออย ธนา 3 ปีแล้ว เน้นโปสเตอร์ แผ่นพับ และตกแต่งสาขาด้วยรูปดารา คนมีชื่อเสียงมาใช้บริการ
– ปี 2552 สปอนเซอร์การประกวดดัชชี่
– ปี 2253 แคมเปญประกวดเลือกผู้เข้าประกวดเปลี่ยนหน้าสิวเป็นหน้าใส
งบการตลาด 5% ของรายได้
สื่อที่ใช้ วิทยุ เคเบิลทีวี H+Channel โดย tie in สิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ
จำนวนลูกค้าแบ่งตามอายุ
มากกว่า 15 ปี 0.52%
15-25 ปี 18.23%
26-35 ปี 37.80%
36-45 ปี 17.84%
มากกว่า 45 ปี 7.6%
ไม่ระบุ 18.4%
จำนวนลูกค้าแบ่งตามเพศ
ผู้ชาย 30%
ผู้หญิง 70%
SWOT ธนพร คลินิก
Strengths – เทคโนโลยี เน้นเครื่องมือช่วยการรักษา เสริมความงาม
– โปรดักต์ คือยาที่เป็นสูตรของตัวเอง และผลิตเองโดยบริษัทในเครือ
– คนจดจำแบรนด์ได้จากแบรนด์แอมบาสเดอร์ ”ออย ธนา”
– ได้กลยุทธ์บอกปากต่อปากที่ได้ผล
Weaknesses – จำนวนสาขาน้อยกว่าคู่แข่ง
– ระบบการจัดการเพิ่งเริ่มต้น เพราะเพิ่งตั้งบริษัทเมื่อปี 2552
Opportunities – ความใส่ใจเรื่องสุขภาพ รักความสวยงาม และคนเอเชียชอบผิวขาว
– ประชากรผู้ใหญ่ที่เป็นกังวลเรื่องความสวยงาม โดยเฉพาะ ริ้วร้อย และร่องรอยเหี่ยวย่นเริ่มมีมากขึ้น
– เทคโนโลยีเกี่ยวกับความงามพัฒนามากขึ้น
Threats – การมีแอมบาสเดอร์เป็นผู้ชายอาจทำให้คนเข้าใจผิดในเรื่องกลุ่มเป้าหมายที่รักษา
– การแข่งขันในธุรกิจนี้รุนแรงขึ้น
– “ธนพร” ให้ความรู้สึกเป็น Local Brand Image