จะเป็นผู้ชนะได้ต้องเหนือกว่าในทุกๆ ด้าน เพราะฉะนั้นสำหรับบรีสจึงไม่ได้พอใจแค่เจาะถึงกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น หากแต่ยังเน้นทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่สนับสนุนธุรกิจด้วยการเจาะไปถึง “กล่องดวงใจ” ของกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย
จาก Insight ของกลุ่มแม่บ้านที่มีลูก มีหน้าที่หลักต้องซักผ้า แถมต้องปวดหัวกับปัญหาคาบเลอะบนเสื้อผ้าทั้งของคุณสามีและคุณลูกๆ นอกจากเหนื่อยแรงยังต้องเซ็งกับคาบเลอะที่ซักออกยาก จนบางบ้านถึงกับมีคำสั่ง “ห้ามทำเสื้อผ้าเลอะ” กันเลยทีเดียว
ปัญหาที่พบเป็นประจำ กลายเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ให้บรีสหยิบมาทำกิจกรรมซีเอสอาร์ ที่ได้ทั้งการสร้างสรรค์สังคมและได้ใจกลุ่มเป้าหมายมานับ 10 ปี เริ่มจากโครงการกล้าเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์ ที่กระตุ้นให้เด็กๆ เรียนรู้เต็มที่โดยไม่ต้องห่วงกับการความสกปรก เป็นการนำปัญหาแม่มาเปิดมุมมองในเชิงสร้างสรรค์
“การคิดกิจกรรมจะพิจารณาจากสิ่งที่ทำว่า จะอินทิเกรทกับอะไรได้บ้าง และต้องตอบโจทย์แบรนด์ไอเดนติตี้ ซึ่งต้องดูว่าแบรนด์ของเรามีไว้เพื่ออะไร เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีครอบครัวที่ชอบบอกเด็กว่าอย่าทำเสื้อผ้าเลอะ แต่บรีสเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมันก็เชื่อมถึงกันง่าย จะทำผ้าเลอะอีกเท่าไรก็ได้ไม่ต้องกังวลเพราะบรีสจะเป็นคนเทกแคร์เรื่องจัดการคาบเลอะ มันเป็นเรื่องที่ไปด้วยกันได้” มร.บาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริษัท กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทยพูดถึงวิธีคิดกิจกรรมของบรีส
แนวทางซีเอสอาร์ของยูนิลีเวอร์จะเน้นที่ตัวผลิตภัณฑ์ บรีสเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายแม่บ้าน แต่วิสัยทัศน์ของผลิตภัณฑ์จะเน้นไปที่การเล่นเลอะของเด็ก ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กิจกรรมของบรีสจึงอยู่ที่แม่และเด็กมาตลอด เด็กทำอะไร กิจกรรมของบรีสก็จะแตกยอดออกมาจากตรงนั้น และล้อไปตามวิสัยทัศน์เรื่องการเล่นเลอะ ซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์นอกห้องเรียนของเด็กเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็ได้ภาพของกิจกรรมเพื่อสังคมที่เป็นกำหนดเป็นแนวทางไว้ว่า ยูนิลีเวอร์จะมุ่งมั่นสร้างสังคมที่ยั่งยืนทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน
“ระหว่างแม่กับเด็ก แม่คือคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ และเป็นกลุ่มเป้าหมายของบรีส แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของแม่บ้านคือเด็ก แล้วสิ่งที่เรามองในแง่ของเราต่อความรับผิดชอบต่อสังคม เรารู้สึกว่าจะทำอย่างไรให้แม่ในสังคมที่เป็นแบบนี้ ช่วยเลี้ยงเด็กได้ดีอีกด้านหนึ่ง แล้วเราก็ไม่อยากให้แม่มองว่าการเล่นเลอะเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้โลก
กว้างที่อยู่นอกห้องเรียน แล้วทำให้แม่เปลี่ยนแนวคิดที่จะให้เด็กอยู่ในบ้านเพื่อไม่ต้องซักผ้าเลอะ มาส่งเสริมให้เด็กเติบโตและเรียนรู้ทักษะชีวิตอย่างไม่จำกัด”
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า การดำเนินกิจกรรมที่เข้าถึงหัวใจที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมายจะให้ผลที่ชัดกว่าเล่นกับกลุ่มเป้าหมายตรงๆ เสียอีกกลุ่มเป้าหมายของกิจกรรมบรีสจึงไปที่เด็กตลอด และตอกย้ำแนวทางของยูนิลีเวอร์อย่างชัดเจนว่า
“กิจกรรมเพื่อสังคมของแต่ละผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะต้องมีหน้าที่ที่จะทำเพื่อสังคมภายใต้ลักษณะหน้าที่ของตัวผลิตภัณฑ์นั้นๆ อย่างสอดคล้องกัน”
ชื่อแคมเปญ บรีส ป.ปลายเปลี่ยนโลก
วัตถุประสงค์ เป็นโครงการเพื่อสังคมของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผ้า บรีส ของยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเด็กและเยาวชนซึ่งทำต่อเนื่องมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
เป้าหมาย เพื่อพัฒนาเด็กช่วยประถมปลาย 9-12 ปี ให้มีความพร้อมก่อนก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น โดยสร้างภูมิคุ้มกันด้านสังคมและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และจิตอาสาในตัวเด็ก เริ่มต้นโครงการเมื่อเดือนเมษายน 2553 กับเด็กและครู 25 โรงเรียน เพื่อคิดและออกแบบโครงการจิตอาสาเพื่อแก้ปัญหาเด็ก โรงเรียนและชุมชน โดยสนับสนุนการทำกิจกรรมจิตอาสา 4 ครั้งต่อโรงเรียน โรงเรียน ละ1 แสนบาท และจะขยายสู่โรงเรียนให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ