“รัสเซีย-สหรัฐฯ” สองประเทศที่มีคน “ปฏิเสธวัคซีน” มากที่สุด นักวิทย์เกรงเกิดไวรัสกลายพันธุ์

(Photo : Shutterstock)
บริษัทวิจัยสำรวจความคิดเห็นประชากรใน 15 ประเทศ พบว่า “รัสเซีย” และ “สหรัฐฯ” คือสองประเทศที่มีคนปฏิเสธหรือลังเลที่จะเข้ารับวัคซีนป้องกัน COVID-19 สูงที่สุด นักวิทยาศาสตร์กังวล ประเทศที่ประชากรมีอัตราเข้ารับวัคซีนช้าลง และประเทศยากจนที่เข้าถึงวัคซีนได้น้อย จะเป็นแหล่งเพาะไวรัสกลายพันธุ์

Morning Consult บริษัทวิจัยและที่ปรึกษา ติดตามความคิดเห็นของประชากรใน 15 ประเทศเกี่ยวกับการรับวัคซีน โดยมีการสุ่มสอบถามทุกสัปดาห์ เก็บตัวอย่างรวมกว่า 75,000 ตัวอย่าง เริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021

บริษัทมีคำถามสั้นๆ ในการเก็บข้อมูลคือ “คุณได้รับวัคซีนแล้วหรือยัง?” และมีคำตอบให้เลือก 4 ข้อคือ “ได้รับแล้ว” “ยัง แต่มีแผนจะรับวัคซีนในอนาคต” “ยัง และยังไม่แน่ใจว่าจะเข้ารับวัคซีนหรือไม่” และ “ยัง และวางแผนว่าจะไม่เข้ารับวัคซีน”

รอบการสอบถามครั้งล่าสุดคือ ระหว่างวันที่ 24-30 สิงหาคม 2021 พบว่า “รัสเซีย” ยังคงเป็นประเทศอันดับ 1 ที่มีผู้ตอบว่าจะไม่รับวัคซีนและไม่แน่ใจว่าจะรับวัคซีนหรือไม่รวมกันเป็นอัตราส่วนสูงที่สุด โดยสูงถึง 43% ของกลุ่มตัวอย่าง

รองลงมาเป็นอันดับ 2 คือ “สหรัฐอเมริกา” ซึ่งมีผู้ที่จะไม่รับวัคซีนและคนที่ยังไม่แน่ใจรวมกันเป็นอัตราส่วน 27%

ผลสำรวจระหว่างวันที่ 24-30 สิงหาคม 2021

ค่าเฉลี่ยของทั้ง 15 ประเทศรวมกัน สำหรับกลุ่มที่จะไม่รับวัคซีนและไม่แน่ใจอยู่ที่ 14% โดยมีประเทศที่มีคนกลุ่มนี้เกินค่าเฉลี่ย นอกจากรัสเซียกับสหรัฐฯ คือ เยอรมนี (19%) ออสเตรเลีย (18%) ญี่ปุ่น (17%) เกาหลีใต้ (16%) และแคนาดา (15%)

ส่วนประเทศที่มีคนไม่รับวัคซีนและคนที่ยังไม่แน่ใจ เท่ากับหรือน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ได้แก่ ฝรั่งเศส (14%) อิตาลี (14%) สหราชอาณาจักร (12%) สเปน (9%) บราซิล (8%) เม็กซิโก (8%) อินเดีย (6%) และจีน (2%)

 

เหตุผลหลัก “กลัวผลข้างเคียง”

ที่ผ่านมาเรามักจะเข้าใจว่าคนที่ปฏิเสธวัคซีนเป็นกลุ่มต่อต้านวัคซีนทุกชนิดหรือที่เรียกว่า Anti-Vaxxer แต่การสำรวจนี้ทำให้เห็นว่าจริงๆ แล้วเหตุผลหลักเป็นประเด็นอื่น

อีกหนึ่งคำถามจากงานวิจัยคือถามว่ากลุ่มที่ปฏิเสธไม่รับวัคซีนหรือลังเลใจ ทำไมจึงคิดเช่นนั้น ผลปรากฏว่าเหตุผลอันดับ 1 และ 2 ของทุกประเทศ คือ “กลัวผลข้างเคียงจากวัคซีน” และ “กังวลว่าการวิจัยวัคซีนพัฒนาเร็วเกินไป”

ผลสำรวจระหว่างวันที่ 24-30 สิงหาคม 2021

ส่วนเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้คนไม่รับวัคซีน เช่น มองว่าวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ไว้ใจบริษัทผู้ผลิตวัคซีน มองว่าตนเองมีความเสี่ยงน้อยที่จะติดเชื้อโรค COVID-19

 

กลุ่มคนไม่รับวัคซีน และประเทศยากจน น่ากังวลสูง

ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดกำลังกังวลกับอัตราการฉีดวัคซีนในโลกที่ช้าลง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ประชากรปฏิเสธวัคซีนเป็นอัตราสูง อย่างรัสเซียและสหรัฐฯ รวมถึงกลุ่มประเทศยากจนที่เข้าถึงวัคซีนได้ยาก โดยข้อมูลจาก Our World in Data ระบุว่าประเทศรายได้น้อย มีประชากรที่รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดสเพียง 1.8% ของประชากรทั้งหมด เทียบกับค่าเฉลี่ยโลกอยู่ที่ 40.3%

แม้แต่ในประเทศแถบยุโรปก็มีปัญหาซ่อนอยู่ โดย ดร.ฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรป องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า คนที่มีรายได้ต่ำและกลางค่อนต่ำในกลุ่มประเทศยุโรป เข้าถึงวัคซีนครบโดสแล้วเพียงแค่ 6%

ปฏิเสธวัคซีน
กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการฉีดวัคซีนและข้อบังคับให้สวมหน้ากากอนามัย เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2021 ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยส์เซียนา (Photo : Shutterstock)

การไม่ได้รับวัคซีนไม่ใช่ความเสี่ยงของคนคนเดียว แต่เป็นความเสี่ยงร่วมกันของคนทั้งโลก เพราะอาจจะทำให้มีการระบาดมากขึ้น และนำไปสู่การเกิดไวรัสกลายพันธุ์เพิ่มขึ้น

คลูจกล่าวว่า ใน 53 ประเทศแถบยุโรป รวมรัสเซียและประเทศโดยรอบ มี 33 ประเทศที่เกิดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ภายในรอบ 14 วันที่ผ่านมา

ขณะที่สำนักข่าว CNBC ให้ข้อมูลสถานการณ์ในสหรัฐฯ ซึ่งถูกไวรัสสายพันธุ์เดลตาโจมตีเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่ารัฐที่ติดเชื้อมากคือรัฐที่มีอัตราประชากรปฏิเสธวัคซีนสูง เช่น หลุยส์เซียนา ไอดาโฮ มิสซิสซิปปี เป็นต้น

Source: Morning Consult, CNBC