หญิงยุคนี้อยากดูดีต้องมีตัวช่วย

มีใครเคยได้ยินหรือไม่ ว่าร่างกายคนเราจะเริ่มมีการเสื่อมของอวัยวะตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านร่างกายที่เสื่อมตามอายุและจิตใจมีการเปลี่ยนแปลงง่าย ขี้หงุดหงิด มีความวิตกกังวล เนื่องจากการเจ็บป่วยหรือจากการเสื่อมของระบบต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้น การดูแลรักษาสุขภาพให้ดีและถูกสุขลักษณะตั้งแต่ต้น จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหรือปัญหาทางสุขภาพต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

การมีสุขภาพดียังช่วยให้ดูดีได้ในสายตาของผู้อื่น โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ล้วนแล้วแต่อยากที่จะดูดีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่เองก็ไม่ได้สนใจเพียงแค่การเสริมเติมแต่งให้ตนเองดูดีแค่ภายนอกเท่านั้น แต่เริ่มใส่ใจที่จะดูแลตนเองตั้งแต่เรื่องของสุขภาพร่ายกายจากภายในมากขึ้น เหมือนที่หลายคนบอกว่า “คนเราจะดูดีได้ ต้องดูดีจากภายในสู่ภายนอก” ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องของการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารและดื่มน้ำ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ

แต่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะและการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้ดูแลตัวเองได้ไม่เต็มที่ หลายคนจึงหันมาพึ่งพาบริการเสริมความงามและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆในการดูแลตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดูจะเป็นที่นิยมและแพร่หลาย

ดังนั้น ทางทีมงานวิจัยของบริษัท ฟาร์อีสท์ ดีดีบี จึงได้สำรวจความคิดเห็นกับผู้ตอบแบบสอบถามเพศหญิงที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี จำนวนทั้งหมด 200 คน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อการใช้บริการและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในการดูแลตนเอง โดยเป็นการทำการศึกษาผ่านทาง Insights Springboard ซึ่งเป็นเครื่องมือการศึกษาเบื้องลึกของผู้บริโภคที่สามารถทำให้เข้าใจเกี่ยวกับทัศนคติ และความต้องการของผู้บริโภคและสังคมแวดล้อมได้อย่างลึกซึ้ง

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกับบทบาทที่เพิ่มขึ้น

ถึงแม้ว่าจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่ออกมายืนยันว่า หากเรารับประทานอาหารครบหมวดหมู่ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับอาหารเสริม ยกเว้นเมื่อร่างกายต้องการสารอาหารบางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ประสบปัญหาด้านสุขภาพเฉพาะโรคที่ขาดสารอาหารโดยตรงซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสามารถช่วยได้ เพื่อให้ร่างกายเกิดความสมบูรณ์แข็งแรง แต่เนื่องด้วยวิถีชีวิตอันเคร่งเครียดท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะของคนส่วนใหญ่ จึงเป็นแรงผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วกลุ่มตัวอย่างของการศึกษาในครั้งนี้กว่า 45% ก็เห็นด้วยว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 51-60 ปี จะเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่างถึง 60% ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุน้อยกว่า

จากการศึกษาในครั้งนี้ยังพบว่าความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้เริ่มเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นมีเพียงแค่ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ผลการวิจัยพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างเพียง 26% ที่เห็นด้วยว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหมาะสำหรับคนที่มีสุขภาพอ่อนแอเท่านั้น โดยที่ 64% ของกลุ่มตัวอย่างยังอยากที่จะรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงร่างกายและป้องกันโรคทั่วไปแม้ว่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงดีอยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยกับประเด็นที่ว่า ยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นได้รับการรับรองจากสถาบันวิจัยด้วยแล้ว ก็จะยิ่งทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

% ของผู้ที่เห็นด้วยกับความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเด็นต่างๆ
73% ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการรับรองจากสถาบันวิจัยทำให้สินค้าดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
66% บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ
65% ฉันคิดว่าโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง
64% ฉันอยากจะรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุงร่างกายและป้องกันโรคทั่วไป แม้ว่าสุขภาพของฉันจะแข็งแรงดีก็ตาม
38% ฉันคิดว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีส่วนช่วยให้เรามีอายุยืนยาวมากขึ้น
26% การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหมาะกับคนที่มีสุขภาพอ่อนแอเท่านั้น

จะอย่างไรผู้หญิงก็ยังไม่ทิ้งการดูแลจากภายนอก

อีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญ ก็คงจะไม่พ้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลจากภายนอกอย่างเครื่องสำอาง ซึ่งผู้หญิงยุคใหม่ไม่ได้ต้องการเพียงแค่คุณสมบัติเดิมๆจากการใช้อย่างการแต่งแต้มสีสันให้ใครหลายๆ คนดูดีได้เท่านั้น แต่ยังต้องการคุณสมบัติอื่นๆ ทั้งการดูแลบำรุงผิวพรรณ หรือแม้แต่คุณสมบัติอย่างการให้ความรู้สึกผ่อนคลายจากการใช้ โดยกลุ่มตัวอย่างกว่า 63% ก็มีความเห็นว่าอยากจะลองใช้เครื่องสำอางที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างการผสมไข่ปลาคาเวียร์เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย และมีกลุ่มตัวอย่างถึง 69% ที่คิดว่าเครื่องสำอางที่ใช้แล้วผิวหน้ารู้สึกผ่อนคลายในสไตล์อโรมาเทอราพีเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอิทธิพลความนิยมในการใช้บริการสปาที่กำลังมาแรงสำหรับคนที่ต้องการดูแลตัวเองและผ่อนคลายความเครียด

นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่าง 56% จะมีความกล้าในการทดลองซื้อเครื่องสำอางที่มีดารานักร้อง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นพรีเซ็นเตอร์

% ของผู้ที่เห็นด้วยกับความคิดเห็นต่อเครื่องสำอางในประเด็นต่างๆ
69% เครื่องสำอางที่ทำให้ผิวหน้ารู้สึกผ่อนคลายในสไตส์อโรมาเทอราพี (aromatherapy) หลังจากแต่งหน้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
63% เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากไข่ปลาคาเวียร์ ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอย เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ฉันอยากจะลองใช้
56% ยี่ห้อเครื่องสำอางที่มีดารา/นักร้องหรือบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นพรีเซ็นเตอร์ทำให้ฉันกล้ามากขึ้นที่จะลองใช้
48% ฉันชอบที่จะทดลองใช้เครื่องสำอางยี่ห้อใหม่ๆ อยู่เสมอ
44% ยี่ห้อเครื่องสำอางที่มีภาพลักษณ์ด้านช่วยเหลือสังคม เป็นปัจจัยหนึ่งที่ฉันจะใช้ในการพิจารณาเลือกซื้อ
40% ฉันคิดว่าเครื่องสำอางที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
32% เพื่อน/ญาติพี่น้อง มีส่วนสำคัญในการตัิดสินใจเลือกยี่ห้อเครื่องสำอางของฉัน

และเมื่อพูดถึงสปา จากการศึกษาในครั้งนี้พบว่า 51% ของกลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยว่าร้านสปาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสาวออฟฟิศสมัยนี้ และกว่า 49% ยังเห็นด้วยว่าร้านสปาเหมาะสำหรับเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์หรือหาเพื่อนใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุน้อยจะเห็นด้วยกับประเด็นนี้มากกว่ากลุ่มที่อายุมากกว่า

% ของผู้ที่เห็นด้วยกับประเด็นที่ว่า “ร้านสปาเป็นสถานที่สำหรับพบปะเพื่อนฝูงและหาเพื่อนใหม่ๆ”
30 – 40 ปี 58%
41 – 50 ปี 49%
51 – 60 ปี 28%

เพิ่มเติมสำหรับนักการตลาด

ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวิจัยเบื้องต้นเกี่ยวกับทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อความสนใจในการใช้บริการหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลตนเอง และทางทีมวิจัยเองก็หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาดมองเห็นช่องทางที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับบริการหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อให้สอดคล้องกับทัศนคติและพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป