Unicharm ชูจุดขาย Made in Japan เเข่งสินค้าจีน เพิ่มยอดส่งออกตลาดเอเชีย-ไทย เท่าตัว

Photo : Shutterstock (หน้ากากอนามัยของ Unicharm รุ่นสำหรับเด็ก)
‘Unicharm’ เดินเกมเเข่งสินค้าจีน ชูจุดขาย ‘Made in Japan’ ปรับยอดส่งออกหน้ากากอนามัย เพิ่มเป็นเท่าตัว ภายในปี 2023 รับความต้องการในเอเชียพุ่ง จับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง โดยเฉพาะในไทย อินโดฯ เเละเวียดนาม

Nikkei Asia รายงานว่า Unicharm (ยูนิชาร์ม) เเบรนด์ผู้ผลิตของใช้ส่วนบุคคลจากญี่ปุ่น ที่มีสินค้าติดตลาดอย่างหน้ากากอนามัย ผ้าอนามัย เเละผ้าอ้อม ฯลฯ มีเเผนจะเพิ่มการส่งออกเป็นเท่าตัว ไปยังตลาดเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม พร้อมจะขยายตลาดในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายได้สูง

ที่ผ่านมา บริษัทจัดจำหน่ายหน้ากากอนามัยรุ่น Cho-Kaiteki และ Cho-Rittai 3D Mask ได้ถึง 1.3 พันล้านชิ้นในปีที่แล้ว เเละมีการวางขายในต่างประเทศประมาณ 10% โดยส่วนใหญ่ผลิตในญี่ปุ่น

สำหรับกลยุทธ์เพื่อชิงตลาดครั้งนี้ Unicharm จะมีการปรับแพ็กเกจใหม่ ขยายโลโก้ Made in Japan ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพื่อชูจุดเเข็งจากชื่อเสียงคุณภาพสินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่น ดีไซน์ให้สวมใส่สบาย เน้นการป้องกันมลพิษเเละโควิด-19 ไปพร้อมๆ กัน

หน้ากากอนามัยของ Unicharm เเพงกว่าราคาเฉลี่ยในตลาดเอเชียอื่นๆ ถึง 5 เท่า โดยบริษัทมุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางสูง ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยในเขตเมือง

ความต้องการสวมใส่หน้ากากที่มีคุณภาพสูงยังมีอยู่มาก แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าก็ตามตัวแทนของบริษัทระบุ

ก่อนที่จะเกิดวิกฤตโควิด บริษัทพยายามจะทำตลาดหน้ากากอนามัยในต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ เเละตอนนี้ได้ผู้บริโภคก็หันมาสวมหน้ากากอนามัย ด้วยความจำเป็นที่ต้องป้องกันไวรัส

โดยในปีที่แล้ว Unicharm เปิดให้โรงงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นเเละเริ่มติดตั้งเครื่องจักรเเละอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับส่งออกไปต่างประเทศ

ทั้งนี้ ในตลาดอินโดนีเซียและไทย Unicharm ครองส่วนแบ่งสูงสุดในกลุ่มผ้าอ้อมเด็กเเละผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยของผู้หญิง

ล่าสุด Unicharm ได้ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย เป็น 1.4 ล้านล้านเยน หรือเพิ่มอีกกว่า อีก 90% ภายในปี 2030 ซึ่งรายได้จากการส่งออกจะมีสัดส่วนมากถึง 70% ทำให้ต้องเร่งพัฒนาเพื่อเเข่งขันในตลาดนี้ให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการชิงตลาดกับสินค้าที่ราคาถูกกว่ากับจีน

โดยแม้ดีมานด์ของหน้ากากอนามัยในทั่วโลกในช่วงโรคระบาดจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เเต่ส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ยังตกอยู่เป็นของสินค้าจากจีน

ข้อมูลของบริษัทวิจัย Euromonitor และหน่วยงานส่งออกของญี่ปุ่น ระบุว่า ปี 2020 ตลาดหน้ากากอนามัยทั่วโลกเติบโต 3 เท่า ส่วนในอาเซียนโตขึ้นถึง 5 เท่า โดยสินค้าจากจีนครองส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเป็น 74% จากเดิม 39%

 

ที่มา : Nikkei Asia