นายโยชิฮิเดะ ซูงะ จะสิ้นสุดหน้าที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เขาใช้เวลากว่า 1 ปีไปกับการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 จนยากที่จะผลักดันการปฏิรูปอื่นๆ
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ จะพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ญี่ปุ่น เนื่องจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ LDP ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลได้หมดวาระลง และเขาประกาศว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคอีก ซึ่งทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ไปโดยปริยาย พรรคเสรีประชาธิปไตยจะจัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันนี้ (29 ก.ย.)
นายซูงะแถลงข่าวทางโทรทัศน์เมื่อค่ำวานนี้ (28 ก.ย.) ยกเลิกการภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิดทั้งประเทศในวันที่ 30 ก.ย. หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงเหลือเพียงราว 1,000 คนเท่านั้น
หลังจากนั้น นายซูงะได้กล่าวถึงงานในช่วงที่เขาเป็นผู้นำญี่ปุ่นว่า “เมื่อวัคซีนและการรักษามีพร้อม เราจะสามารถเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในการต่อสู้ที่ยาวนานกับไวรัสโคโรนา แม้ญี่ปุ่นจะล่าช้าในการฉีดวัคซีนในช่วงแรก แต่ขณะนี้ประชาชนในญี่ปุ่นได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มถึง 58% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่าสหรัฐฯ รัฐบาลญี่ปุ่นคาดว่าประชาชนทุกคนจะได้รับวัคซีนครบถ้วนภายในเดือนพฤศจิกายน”
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเมื่อ 16 กันยายน 2563 หลังจากนายชินโซ อาเบะ ประกาศลาออกก่อนหมดวาระเนื่องจากปัญหาสุขภาพ
นายซูงะ ผู้ช่ำชองกับระบบราชการเนื่องจากเขาอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอย่างยาวนาน เขาเป็นมือประสานงาน แก้ปัญหา ขับเคลื่อนกลไกได้อย่างดีเยี่ยม เขาประกาศเมื่อขึ้นเป็นนายกฯ ว่าจะจัดการกับระบบราชการที่ยุ่งยาก แต่สุดท้ายก็ต้องปราชัย
การรับมือการระบาดของโรคโควิดที่ล้าช้าสร้างความไม่พอใจกับประชาชนและภาคธุรกิจอย่างมาก ฉุดคะแนนนิยมของนายซูงะจนตกต่ำ ทำให้เขาไม่มีเสียงสนับสนุนมากเพียงพอที่จะอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค และผู้นำประเทศได้ต่อไป
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นายซูงะกล่าวว่า เขาประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตร คือ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และอินเดีย จัดตั้งกลุ่ม Quad เพื่อรับมือการขยายอิทธิพลของจีน
แต่เขาไม่มีโอกาสที่จะหารือโดยตรงกับผู้นำจีน เกาหลีใต้ และคลี่คลายเรื่องการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นของเกาหลีเหนือ นายซูงะอ้างว่าสัมพันธภาพกับ “คนไกล” ใกล้ชิดขึ้น แต่กับ “เพื่อนบ้าน” ไม่เพียงไม่มีความคืบหน้า แต่ยังไม่มีการปรับความเข้าใจในประเด็นพิพาทระหว่างกันด้วย
ความสำเร็จอีกเรื่องหนึ่งของนายซูงะที่ถูกมองข้ามไปคือ การผลักดันให้ค่ายโทรศัพท์มือถือลดค่าบริการ ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายนี้ลดลงมากถึงเกือบครึ่งหนึ่งของราคาเดิม นอกจากนี้เขายังให้จัดตั้ง “ทบวงดิจิทัล” เนื่องจากญี่ปุ่นล้าหลังหลายประเทศในเรื่องศักยภาพการแข่งขันทางดิจิทัล ผลการสำรวจของสถาบันในสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า ศักยภาพด้านดิจิทัลของญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 27 จาก 64 ประเทศ (สหรัฐฯ อันดับ 1, เกาหลีใต้อันดับ 8, จีนอันดับ 16, ไทยอันดับ 39 )
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเกือบทุกคนล้วนมากจาก “ตระกูลอำมาตย์” ที่เล่นการเมืองสืบทอดกันมาหลายชั่วคน แต่นายโยชิฮิเดะ ซูงะเติบโตจากลูกชาวสวนสตรอเบอร์รี สู้ชีวิตด้วยตัวเองจนได้เป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เขาเป็นสามัญชนที่ก้าวถึงจุดสูงสุดทางการเมืองอย่างคาดไม่ถึง เหมือนที่เขาเคยกล่าวว่า “ถ้ามีความมุ่งมั่น ย่อมมีหนทาง”