คุยกับธุรกิจ “ท่องเที่ยว” เปิดประเทศ 1 พ.ย. ต่างชาติจะกลับมาแค่ไหน? คนไทยจะเที่ยวหรือเปล่า?

KTC จัดเสวนากับกลุ่มผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว มองอนาคตเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ชาวต่างชาติจะกลับมามากแค่ไหน และคนไทยพร้อมเที่ยวหรือยัง ติดตามได้ที่นี่

บัตรเครดิตเคทีซี จัดเสวนาออนไลน์ “เคทีซีผนึกพันธมิตรธุรกิจ ร่วมบุกตลาดท่องเที่ยวไทยเต็มสตีม” มีผู้เข้าร่วมการเสวนาจากหลายธุรกิจ ได้แก่

  • โชติช่วง ศูรางกูร รองกรรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด และ อุปนายก สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.)
  • วุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ นายกสมาคมสวนสนุกและสวนพักผ่อนหย่อนใจแห่งประเทศไทย (TAPA) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามพาร์คซิตี้ จำกัด ผู้บริหาร “สวนสยาม”
  • ธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ชลบุรี
  • ปิ่นยศ พิบูลสงคราม Head of Commercial สายการบินไทยเวียตเจ็ท
ผู้เข้าร่วมเสวนากับเคทีซี

การเสวนามีหลายประเด็นที่น่าสนใจซึ่งเราได้รวบรวมมาไว้ที่นี่ เพื่อให้ผู้ประกอบการเกี่ยวเนื่องได้เห็นภาพคาดการณ์ธุรกิจท่องเที่ยว

 

คนไทยพร้อมหรือยัง “เที่ยวในประเทศ”

“โชติช่วง” จากหนุ่มสาวทัวร์และอุปนายก สทน. กล่าวถึงตลาดนักท่องเที่ยวไทยว่า การท่องเที่ยวเป็นความต้องการของคน เมื่ออัดอั้นมานานแล้วเปิดให้เที่ยวได้ ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะกลับมาเที่ยว แต่ลูกค้าก็มีหลายกลุ่ม ทั้งที่กังวลมาก กังวลน้อย และไม่กังวลเลย รวมถึงมีทั้งลูกค้าที่พร้อมด้านการเงิน และคนที่ไม่พร้อม ดังนั้น กลุ่มที่น่าสนใจจะเป็นตลาดกลางถึงไฮเอนด์ที่พร้อมด้านการเงิน และไม่กังวล ภาพรวมจึงคาดว่าการท่องเที่ยวในประเทศน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัว

สอดคล้องกับ “ปิ่นยศ” ไทยเวียตเจ็ท ที่มองลูกค้าเป็นหลายกลุ่มมากขึ้นจากความกังวล เช่น กลุ่มวัยรุ่นจะมีความกังวลน้อย กลุ่มที่มีครอบครัวแล้วและมีลูกเล็กหรือมีผู้สูงวัยในบ้าน จะกังวลมากกับการเดินทาง ทำให้การตลาดต้องแยกกลุ่มเหล่านี้แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม จากการคลายล็อกดาวน์ทำให้เห็นตัวเลขการบินในประเทศดีขึ้น และไทยเวียตเจ็ทปรับเส้นทางบินมาเป็นเส้นทางบินในประเทศเป็นหลักอยู่ก่อนแล้ว ทำให้พร้อมรับดีมานด์ ส่วนเส้นทางบินต่างประเทศกำลังทยอยเพิ่มเส้นทาง โดยปลายเดือนพฤศจิกายนนี้คาดว่าจะเปิดรูท กรุงเทพฯ-ไทเป เพิ่มเติม

 

1 พ.ย. “ต่างชาติ” จะเข้ามามากแค่ไหน

“ธเนศ” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ชลบุรี มองการเปิดประเทศให้ต่างชาติ 46 ประเทศเข้าสู่ไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว (เฉพาะ 17 พื้นที่ผ่อนปรน) คาดว่าชาวต่างชาติไม่น่าจะเดินทางเข้ามาเร็ว เพราะประเทศไทยมีขั้นตอนและเงื่อนไขค่อนข้างมาก เช่น ต้องตรวจ RT-PCR มีการซื้อประกันวงเงินสูง เมื่อเจรจากับพาร์ตเนอร์เอเจนซีทัวร์ต่างประเทศ ลูกค้าจะไม่ค่อยนิยมเลือกประเทศไทยก่อนประเทศอื่นที่สะดวกกว่า

Photo : Shutterstock

อีกประการหนึ่งคือ ประเทศหลักๆ ที่นิยมเดินทางมาไทย เช่น รัสเซีย อินเดีย ยังไม่อยู่ในลิสต์ 46 ประเทศความเสี่ยงต่ำ ขณะที่ “จีน” ยังติดปัญหาเมื่อชาวจีนเดินทางกลับเข้าประเทศตนเองจะต้องกักตัว 10-21 วัน ขึ้นอยู่กับเมืองที่พำนัก จึงไม่สามารถคาดหวังได้

นอกจากนี้ การเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. นี้นักท่องเที่ยวต้องใช้ Thailand Pass ซึ่งมีเวลาดำเนินการ 7 วัน ทำให้กว่าจะเข้ามาไทยได้จริงๆ อย่างเร็วจะเป็นวันที่ 8-9 พ.ย. และจากความยุ่งยากก็จะทำให้นักเดินทางที่กลับเข้ามาก่อนตามโครงการนี้คือคนไทยที่จะกลับบ้าน หรือต่างชาติที่มีบ้านในไทย

สรุปทำให้ผู้ประกอบการในพัทยาประเมินว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้จริงๆ น่าจะมี 3-4 หมื่นคนต่อเดือนในช่วงปลายปีนี้ เทียบกับปกติพัทยามีต่างชาติเข้ามาเดือนละ 1 ล้านคน ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องเน้นนักท่องเที่ยวไทยต่อไปก่อน สำหรับโรงแรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ที่ผ่านมาเน้นรับชาวต่างชาติและไม่สามารถปรับมาหาคนไทยได้ ก็อาจจะยังต้องปิดชั่วคราวต่อไป

 

ดึง “ยุโรป” ไม่ทัน หวังเปิดเฟส 2 มีไต้หวัน-รัสเซียในลิสต์

สอดคล้องกับ “โชติช่วง” ที่เห็นว่ามาตรการเปิดประเทศของรัฐยังไม่ค่อยสะดวกนัก “เหมือนเราเปิดประตูไว้ให้แบบแง้มๆ คนที่จะเข้ามาคือต้องอยากมาจริงๆ จนยอมบีบตัวเองผ่านประตูเข้ามา”

(Photo: Shutterstock)

สำหรับตลาดยุโรปซึ่งมีรายชื่ออยู่ในลิสต์ประเทศความเสี่ยงต่ำหลายประเทศ โชติช่วงมองว่าน่าจะไม่ทันต่อการวางแผนทริปปลายปีซึ่งเป็นทริป ‘หนีหนาว’ ของชาวยุโรป

“ธรรมชาติของชาวยุโรปเขามักจะใช้เวลาเตรียมทริปนาน 6-12 เดือน กฎบ้านเขาเริ่มเปิดให้ออกนอกประเทศได้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 64 แปลว่า ณ ตอนนี้หรือปลายปีนี้ เขามักจะมีทริปของเขาแล้ว ส่วนใหญ่จะไปแถบชายทะเลเมดิเตอเรเนียน” โชติช่วงกล่าว ดังนั้น หากหวังนักท่องเที่ยวตะวันตกอาจจะต้องมองเป็นช่วงฤดูร้อนของไทยปีหน้า

โชติช่วงยังหวังด้วยว่า ภาครัฐจะมีการเปิดเฟส 2 ลิสต์ประเทศเสี่ยงต่ำเร็วๆ นี้ และหวังให้มีเขตปกครองไต้หวันและประเทศรัสเซียในลิสต์ เพราะเป็นเป้าหมายลูกค้าหลักของไทย

 

วอนรัฐฟังเสียงเอกชน เพิ่มความสะดวกให้กับการเข้าไทย

“วุฒิชัย” แห่งสวนสยาม เสริมในด้านการทำงานร่วมกับภาครัฐ เห็นว่าการเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ แม้ไม่ได้ทำให้ธุรกิจฟื้นตัวทันที แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะคล้ายกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่อเปิดมาปฏิบัติจริงแล้วจะเห็นข้อติดขัดและได้แก้ปัญหา ซึ่งรัฐควรจะรับฟังจากภาคเอกชน

“อยากให้รัฐฟังเอกชนว่าข้อติดขัดนั้นคืออะไร เพราะว่าเราเป็นคนฟัง feedback จากลูกค้าโดยตรง อย่าลืมว่าเราไม่ใช่ทางเลือกเดียวของลูกค้า เรามีคู่แข่ง ถ้าเราไม่สะดวก เขาก็มีทางเลือกอื่น ดังนั้น ผลประโยชน์ของชาติเรามีร่วมกันนะครับ” วุฒิชัยกล่าว

เช่นเดียวกับ “ธเนศ” ที่มองสอดคล้องกันว่ารัฐควรจะมีมาตรการที่สอดคล้องไปด้วยกันทั้งสุขอนามัยและเศรษฐกิจท่องเที่ยว เช่น ที่ผ่านมาเคยมีช่วงที่รัฐให้เปิดบริการโรงแรมได้ แต่ไม่อนุญาตให้เปิดสระว่ายน้ำ ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่ตัดสินใจมาเที่ยวเพราะไม่มีสระว่ายน้ำเป็นจุดดึงดูด

ส่วนการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะนี้กำลังนำเสนอให้รัฐผ่อนปรนต่างชาติที่เข้าโปรแกรมแซนด์บ็อกซ์ ให้ลดการตรวจแบบ RT-PCR มาเป็นการใช้ ATK ที่ตรวจโดยบุคลากรการแพทย์ เพื่อให้ต้นทุนลดลงและใช้เวลาน้อยลงด้วย

โชติช่วงทิ้งท้ายในภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังคงยากลำบาก (แต่มีความหวัง) ในระยะนี้ว่า ผู้ประกอบการยังต้องปรับตัวและระวังตัวกันต่อเนื่อง วันนี้ตลาดกำหนดเทรนด์ให้เรา จากเมื่อก่อนเราคือผู้กำหนดตลาด แต่ไม่ใช่เราไม่ทำอะไรเลย เราต้องคาดการณ์ตลาดให้ออก”