‘OPEC+’ ยังมีแนวโน้ม “ไม่เพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน” แม้ได้รับแรงกดดันจากนานาประเทศก็ตาม

OPEC+ ยังคงตัดสินใจคงกำลังการผลิตเอาไว้ดังเดิม ทั้งที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแทบทุกวันราคาจนแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 รวมถึงแม้จะมีแรงกดดันทางการทูตก็ตาม และนั่นอาจหมายถึงราคาพลังงานที่สูงอย่างต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้และอาจลากยาวถึงปี 2022

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวโทษ OPEC+ ที่ไม่เต็มใจที่จะผลิตน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ขณะที่ญี่ปุ่นและอินเดียก็ได้เข้าร่วมกับสหรัฐฯ ในการพยายามกดดันให้กลุ่มโอเปกเพิ่มขีดจำกัดการผลิตและช่วยลดราคาพลังงาน

“ความคิดที่ว่ารัสเซียและซาอุดีอาระเบียและผู้ผลิตรายใหญ่อื่น ๆ จะไม่สูบน้ำมันมากขึ้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง” ไบเดน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่การประชุม G-20 ที่กรุงโรม อิตาลี

ด้าน Edward Bell ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐศาสตร์การตลาดของ Emirates NBD ในดูไบ กล่าวว่า “สำหรับตอนนี้ เรายังคงคาดหวังว่าสมาชิก OPEC+ จะยังคงสนับสนุนให้ตลาดน้ำมันตึงตัว โดยใช้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้นเพื่อปรับปรุงบัญชีทางการคลัง”

อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน นโยบายของกลุ่ม OPEC+ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมคือจะคงการผลิตน้ำมันที่ 400,000 บาร์เรลต่อวันในแต่ละเดือน โดยประเทศคูเวต รวมถึงสมาชิกโอเปกอย่าง อิรัก ไนจีเรีย และแอลจีเรีย ได้ออกมาพูดในทำนองเดียวกันว่า องค์กรควรยึดมั่นในแผนปัจจุบัน เนื่องจากตลาดน้ำมันมี ‘ความสมดุล’

อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของผู้บริโภคไม่ได้รู้สึกว่ามัน สมดุลพราะราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะระดับมากกว่า 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี และเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% ในปีนี้ แม้ว่าราคาร่วงลงในวันก่อนการประชุม OPEC มาอยู่ที่ 81.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก็ตาม

West Texas Intermediate เพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ในปีนี้ และแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี โดยล่าสุดแตะระดับ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่าจะซื้อขายที่ 80.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันเบนซินของอเมริกาก็อยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีเช่นกัน

ด้าน เฮอร์มาน หวาง นักเขียนอาวุโสด้านน้ำมันของ S&P Platts มองว่า แม้จะมีแรงกดดันทั้งหมดจากสหรัฐฯ อินเดีย และญี่ปุ่นให้ปล่อยน้ำมันดิบเพิ่ม แต่ก็มีรัฐมนตรีหลายคนกล่าวถึงอัตรา COVID-19 และความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงตามฤดูกาล รวมถึงแนวทางการลดใช้พลังงาน

ดังนั้น ราคาที่พุ่งสูงขึ้นอาจเป็นเพียงชั่วคราว แต่จนกว่าตลาดจะเย็นลง OPEC+ ก็จะเจอการร้องเรียนจากลูกค้ารายสำคัญอีกมาก เนื่องจากผู้นำเข้าน้ำมันผิดหวังที่ไม่สามารถบังคับโอเปกได้มากนัก นอกจากนี้ยังมองว่า การที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศในกลุ่มโอเปกสูบน้ำมันมากขึ้น ก็ขัดแย้งกับเป้าหมายที่ตั้งใจจะเป็นผู้นำในนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก

Source