New Mazda 3 ตลาด 2000 ซีซี ไม่แบ่งให้ใคร

กลายเป็นรถยนต์รุ่นหลักของมาสด้า ประเทศไทย ไปแล้ว สำหรับมาสด้า 3 ที่กำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าต้องการเจาะลูกค้ากลุ่มไหน และที่สำคัญต้องพยายามหลีกเลี่ยงรายใหญ่ในตลาดอย่างโตโยต้า และฮอนด้า ที่ครองส่วนแบ่งเกินครึ่งในตลาดรถนั่งขนาดกลาง

ช่องว่างของรายใหม่ๆ ที่จะเข้ามาก็ยังพอมีบ้าง แต้ต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่าต้องการขายอะไร และมีความต่างอย่างไร

มาสด้า 3 รุ่นแรกที่ออกจำหน่าย ก็ตอบโจทย์การตลาดแบบนี้ครบถูกข้อ และกลายเป็นพระเอกของบริษัท หลังจากที่มาสด้าห่างหายไปจากการเป็นที่พูดถึงในตลาดรถมายาวนานมาก

สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทมาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า มาสด้า 3 เครื่องยนต์ 2000 ซีซี มีส่วนแบ่งตลาดถึง 30% ในขณะที่คู่แข่งอยู่ที่ 5% เท่านั้น

ตลาดรถนั่งขนาดกลาง เริ่มขยับขนาดความจุของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น ทั้งโตโยต้า มิตซูบิชิ ที่มีเครื่องยนต์ 2000 ซีซี ออกมาจำหน่าย ส่วนรฮอนด้ามีเครื่องยนต์ 1800 ซีซี และ 2000 ซีซี ในรุ่นซีวิค

เมื่อมาสด้า 3 ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดก็ต้องรับมือคู่แข่งที่กำลังเดินหน้าข้ามา และนั่นก็คือการเปิดตัว New Mazda 3 เครื่องยนต์ 2000 ซีซี มาปลุกกระแสหลังจากที่รุ่นแรกเริ่มลดความร้อนแรงลงไป รวมถึงปกป้องส่วนแบ่งตลาดของตัวเองไปในตัวด้วย

สุรีทิพย์ บอกว่า มาสด้า 3 ใหม่สื่อสารกับลูกค้าด้วยแนวคิด Dare to be bold เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความแตกต่าง และต้องการแสดงออก

“มาสด้า 3 ใหม่ ไม่ใช้รถบ้านๆ ” เธอให้ความหมายที่ตรงไป ตรงมากับรถรุ่นใหม่

กลยุทธ์การตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปในรถรุ่นนี้คือ การใช้ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายมากขึ้น ซึ่งจะเป็นสื่อหลัก เพราะจากการสำรวจพบว่า ลูกค้าของมาสด้า 3 ใช้สื่อออนไลน์ถึง 95%

อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ มาสด้า 3 ใหม่ ไม่ใช่พรีเซ็นเตอร์ หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์ ต่างจากมาสด้า 2 ที่ใช้ถึง 2 คน ถ้ายอดขายระดับนี้ ส่วนแบ่งตลาดถึง 30% พรีเซ็นเตอร์ก็คงไม่จำเป็น

สุรีทิพย์ บอกด้วยว่า หลังจากออกเครื่องบนต์ 2000 ซีซีแล้ว เครื่องยนต์ขนาด 1600 ซีซีจะออกตามมา แต่ต้องปล่อยให้เครื่องยนต์ใหญ่ทำตลาดล่วงหน้าไปก่อน เพราะนี่คือรถหลักของค่ายมาสด้า

สำหรับมาสด้า 3 เปิดตัวในรุ่น 4 ประตู ซีดาน 5 ประตู แฮทช์แบค ขายราคาเท่ากัน คือ 1,064,000 บาท และมีให้เลือก 7 สี

ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่ง 2000 ซีซีของมาสด้า 3
ปี สัดส่วน
2007 39%
2008 41%
2009 30%
2010 27%