‘ซัมซุง’ คาดกำไรไตรมาส 4 พุ่ง 1.15 หมื่นล้านเหรียญ โต 52% เพราะยอดขาย ‘ชิปความจำ’

Photo : Shutterstock
ในขณะที่การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ได้สร้างความหายนะให้กับเศรษฐกิจโลก แต่ก็ช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเติบโตได้ เนื่องจากเทรนด์ Work from Home กระตุ้นความต้องการอุปกรณ์ไอทีที่ขับเคลื่อนด้วยชิปของ Samsung (ซัมซุง) รวมถึงเครื่องใช้ภายในบ้าน เช่น โทรทัศน์และเครื่องซักผ้า ทำให้กำไรของ Samsung ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2564 พุ่งขึ้น 52.5% 
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกคาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 13.8 ล้านล้านวอน (1.15 หมื่นล้านดอลลาร์) จากที่ไตรมาสเดียวกับปี 2563 อยู่ที่ 9.05 ล้านล้านวอน โดยการเติบโตดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสนี้ซึ่งเพิ่มขึ้น 23.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี และคาดว่ายอดขายประจำปี 2564 ก็ถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา อย่างไรก็ตาม ประมาณการกำไรจากการดำเนินงานต่ำกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 15.2 ล้านล้านวอน 
Park Sung-soon นักวิเคราะห์จาก Cape Investment & Securities กล่าวว่า ชิปหน่วยความจำของ Samsung เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ไตรมาสจนถึงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ส่งผลให้อัตรากำไรของ Samsung เพิ่มขึ้น โดยแหล่งรายได้ที่สำคัญที่สุดสำหรับ Samsung อยู่ที่ธุรกิจชิปหน่วยความจำ อย่างไรก็ตาม Samsung Electronics ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับรายได้ของหน่วยงานต่าง ๆ ว่าแต่ละส่วนมีรายได้เท่าไหร่บ้าง โดยคาดว่าบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการเต็มรูปแบบในวันที่ 27 มกราคมนี้
ทั้งนี้ Samsung ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก และพึ่งได้เพิ่มการลงทุนอย่างจริงจังในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่โลกกำลังต่อสู้กับปัญหาการขาดแคลนชิปที่ส่งผลกระทบต่อทุกอย่างตั้งแต่รถยนต์และเครื่องใช้ในบ้าน ไปจนถึงสมาร์ทโฟนและคอนโซลเกม โดยในเดือนพฤศจิกายน บริษัทได้ประกาศสร้างโรงงานไมโครชิปแห่งใหม่ในเท็กซัส ด้วยเงินลงทุน 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ โรงงานคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในสิ้นปี 2567 
โดย Samsung เข้าร่วมกับคู่แข่ง TSMC จากไต้หวันและบริษัท Intel ในสหรัฐอเมริกาในการขยายกำลังการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมองว่าภาคส่วนนี้เป็นพื้นที่การแข่งขันเชิงกลยุทธ์กับจีน นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และการสื่อสาร 5G/6G
Samsung Electronics เป็น บริษัท ในเครือเรือธงของกลุ่มยักษ์ใหญ่ของ Samsung ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ โดยมูลค่าการซื้อขายโดยรวมของกลุ่มบริษัทนั้นเทียบเท่ากับประมาณ 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของเกาหลีใต้ โดยหุ้น Samsung Electronics เพิ่มขึ้น 1.4%