มองภาพรวมเศรษฐกิจโลก ปี 65 ฟื้นตัว เเต่ตลาดผันผวนมากขึ้น ชูธีมเด่นลงทุนต่างประเทศ 

Photo : Sutterstock
บลจ.กรุงศรี มองเศรษฐกิจโลก ปี 2565 เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป เเละกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในเอเชียที่จะทยอยปรับตัวดีขึ้น เเต่ตลาดอาจผันผวนมากขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ เผยธีมลงทุนหุ้นต่างประเทศ “Clean energy -ESG – จีน”  

เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เเต่ตลาดยังผันผวนรับเงินเฟ้อ

ศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยถึง ภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2565 ว่า มีแนวโนมฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในตลาดพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และยุโรป

ด้านความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ อาจมีน้อยลงจากอัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การพัฒนาวัคซีนและยารักษา Covid-19 ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่อาจไม่เท่ากัน คาดว่าเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะทยอยปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะในเอเชียอย่างประเทศจีน เนื่องจากแนวโน้มการออกมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมของทางการจีนจะมีน้อยลง และรัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณว่าจะกลับมาสนับสนุนสภาพคล่องให้เศรษฐกิจอีกครั้ง”

อย่างไรก็ตาม ตลาดโลกอาจมีความผันผวนมากขึ้น โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองคืออัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะมีความตึงตัวมากขึ้น นำโดยสหรัฐฯ ที่เตรียมยกเลิกโครงการ QE ในเดือนมีนาคมเพื่อเตรียมขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในลำดับถัดไป ตลาดมองว่าเฟดอาจมีการขึ้นนโยบายการเงินได้ถึง 4 ครั้งในปี 2565 โดยอาจจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นไป

สำหรับภาพรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นโลกนั้น บลจ.กรุงศรี มีมุมมองว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นอาจมีมากขึ้น ตามแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อ และการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของทางธนาคารกลางทั่วโลก

ขณะที่การฟื้นตัวของแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกัน โดยเราอาจเห็นกลุ่มหุ้นที่มีราคาสูงอย่างกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดัน ในขณะที่ตลาดที่เป็น laggards ทยอยฟื้นตัวโดยเฉพาะในตลาดเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และจีน  โดยในช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงมากขึ้นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่ม defensive จะช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนได้ 

Photo : Shutterstock

3 ธีมใหญ่ ลงทุนต่างประเทศ 

ธีมการลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่

  • ลงทุนในกลุ่ม Clean energy เนื่องจากปัจจุบันนโยบายเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีน โดยทั้งหมดได้ตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้สำเร็จ และคาดว่าจะเห็นนโยบายสนับสนุนด้าน Clean energy ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
  • ลงทุนในธีม ESG ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักลงทุน อีกทั้งธีมการลงทุนในส่วนของ cyber securities ที่มีความจำเป็นมากขึ้นในปัจจุบันหลังจากเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นก็เป็นธีมการลงทุนที่น่าสนใจเช่นกัน
  • ลงทุนในตลาดจีน ก็กลับมาน่าสนใจอีกครั้งหลังท่าทีของรัฐบาลจีนที่มีต่อการออกกฎหมายควบคุมในหลายอุตสาหกรรมเริ่มลดลง โดยทางธนาคารกลางจีนได้กลับมาให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนสภาพคล่องให้กับตลาดอีกครั้ง นอกจากนั้นการลงทุนในกลุ่มตลาดที่เป็น laggards อย่างตลาดญี่ปุ่นและตลาดเอเซียก็ยังคงมีความน่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ไม่สูงจนเกินไปและมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
Photo : Shutterstock

ท่องเที่ยวไทย เริ่มกลับมา 

ด้านเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ดีในปี 2565 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจากอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นจนสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้เป็นปกติ โดยภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะทยอยเริ่มกลับมาหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้มากขึ้น

ส่วนการส่งออกจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงเนื่องจากผลของฐานต่ำหมดไป ในขณะที่ภาคบริการจะเติบโตในอัตราสูงจากผลของฐานต่ำในปี 2564 ด้านการบริโภคคาดว่าจะกลับมาขยายตัวดีขึ้น แต่อาจไม่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของไทย มีแนวโน้มผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจและกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงตลอดปี 2565 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นจะทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ส่วนอัตราผลตอบแทนระยะกลางถึงยาวอาจมีความผันผวนตามตลาดต่างประเทศที่คาดว่าจะถูกกดดันจากการปรับนโยบายการเงินของสหรัฐเป็นหลัก

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น บลจ.กรุงศรีมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทยในปี 2565 โดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนฯ จะสามารถเติบโตได้ในอัตราร้อยละ 11.5 จากการกลับมาเปิดประเทศ โดยคาดว่าการลงทุนในหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 12.5

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามเรื่องโอมิครอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหรือไม่ รวมถึงนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในตลาดมากเพียงใด

“การจัดพอร์ตการลงทุนในปี 2565 นักลงทุนควรให้ความสำคัญต่อการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์เพื่อลดความผันผวนและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำจัดสรรเงินลงทุนใน ตราสารหนี้ 35% หุ้นไทย 16.5% และหุ้นต่างประเทศ 48.5%