แผน 4 ปี “เอสซี แอสเสท” รายได้พุ่ง 1 แสนล้าน! ปักหลักสมรภูมิเดิม เสริมด้วยน่านน้ำธุรกิจใหม่

ซีอีโอเอสซี แอสเสท ทดลองเปิดการแถลงข่าวด้วยอวาตาร์เสมือนจริง สดจากห้องส่ง ชิมลางการใช้ชีวิตในเมตาเวิร์ส
  • “เอสซี แอสเสท” ขยับแผนการเติบโตเร็วขึ้น วางกลยุทธ์ 4 ปี (2565-2568) รายได้สะสม 1 แสนล้านบาท มาจาก ‘สมรภูมิเดิม’ คือการพัฒนาที่อยู่อาศัย และ ‘น่านน้ำใหม่’ จากธุรกิจโรงแรม อพาร์ตเมนต์ รู้ใจแอปพลิเคชัน ฯลฯ
  • โชว์วิสัยทัศน์นวัตกรรม เตรียมออก ‘SC Morning Coin’ ในลักษณะ Utility Token ไตรมาส 4 ปีนี้
  • สำหรับแผนปี 2565 เตรียมเปิดตัวมากที่สุด 27 โครงการ 40,000 ล้านบาท พร้อมแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ บ้านเดี่ยวสุดหรู 50 ล้านบาททำเลเลียบด่วนรามอินทรา และคอนโดฯ เพื่อคนเจนวายทำเลวงเวียนใหญ่

หลังเกิดการระบาดของ COVID-19 “เอสซี แอสเสท” เคยประเมินว่าผลกระทบจะยาวนานจนถึงปี 2565 แต่หลังจากสถานการณ์ยังมีโอกาส และบริษัทสามารถรอดผ่านวิกฤตมาได้ ทำให้แผนการกลับมาเติบโตของบริษัทถูกขยับขึ้นมาเร็วขึ้น 1 ปี

“ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน) เปิดแผน “Thriving for Good” ของบริษัทในระยะ 4 ปี (2565-2568) แบ่งเป็น 3 กลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน ดังนี้

1. เติบโต บนสมรภูมิเดิมและน่านน้ำใหม่

เอสซีฯ วางเป้าหมายเติบโตต่อเนื่อง 4 ปี รายได้สะสมรวมกัน 1 แสนล้านบาท เริ่มปี 2565 ปีแรกจะมีรายได้ 20,000 ล้านบาท และปี 2568 รายได้จะขึ้นไปแตะ 30,000 ล้านบาท

รายได้ดังกล่าวจะมาจาก 2 ฝั่งคือ ‘engine 1’ โครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงประมาณ 80% และ ‘engine 2’ ซึ่งเป็นธุรกิจโอกาสใหม่ ประมาณ 20%

สำหรับโอกาสใหม่ (engine 2) จะเป็นธุรกิจจากเทรนด์ใหม่ของโลกคือ Work from Anywhere และ Home is Everything ที่บริษัทมีการลงทุนแล้วคือ โรงแรม “ย่าน” (YAHN) จะเปิดช่วงปลายปีนี้, แอปพลิเคชันรู้ใจ, การลงทุนอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐฯ และจะมีธุรกิจใหม่เปิดตัวในช่วงกลางปีนี้

engine 2 โอกาสใหม่ของเอสซีฯ
2. เชื่อมต่อ ทุกสิ่งถึงกัน สร้างคุณค่าที่มากกว่า

กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเชื่อมโยงระบบนิเวศของอสังหาฯ เช่น

  • รู้ใจ OS เป็นซอฟต์แวร์เพื่อใช้สั่งการโฮมออโตเมชันซึ่งเอสซีฯ เริ่มติดตั้งตั้งแต่ปี 2564 และปี 2565 จะเพิ่มฟีเจอร์ให้สามารถสั่งการด้วยเสียงได้
  • ระบบ Active Airflow ผลงานจากการทำงานร่วมกับ SCG ทำให้ถ้าหากในบ้านมี 5 มากเกินไป ระบบจะดูดกรองอากาศอัตโนมัติ
  • แอปฯ รู้ใจ จะเชื่อมต่อกับสินค้าและบริการหลากหลายมากขึ้น
  • EV Charger เข้ามาติดตั้งในโครงการแน่นอน
  • SC Morning Coin เป็น Utility Token ให้ลูกค้าและคู่ค้าของเอสซีฯ ได้ใช้ ทำให้ระบบนิเวศเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้น

“คอยน์ของเราจะเป็น Utility Token คือไม่ได้นำไปซื้อของโดยตรง แต่เหมือนเป็นพอยท์แลกของ เมื่อเป็นโทเคนเดียวกันจะทำให้แลกได้ง่ายขึ้น การที่เราทำสิ่งนี้เราไม่ได้ได้เปรียบในธุรกิจมากขึ้น แต่ถ้าเราไม่ทำเราจะเสียเปรียบ” ณัฐพงศ์อธิบายถึงแนวคิด

ส่วนประเด็นการที่ภาครัฐจะพิจารณาควบคุมการใช้คอยน์ซื้อสินค้า แม่ทัพเอสซีฯ ไม่ได้กังวลถึงผลกระทบมากนัก “ผมเชื่อว่าการที่หน่วยงานกำกับควบคุมเข้ามา ก็เพราะว่ากำลังจะเกิดการนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย เราไม่ได้กังวลกับการกำกับควบคุมเพราะสิ่งใหม่เข้ามามันก็ต้องเกิดขึ้น และเราพร้อมจะปรับตาม”

3. ยั่งยืน สร้างคุณค่าสู่ผู้คนและสิ่งแวดล้อม

การสร้างความยั่งยืน เอสซีฯ มองเป็น 3 มุมคือ “แบรนด์” จะต้องคงความน่าเชื่อถือ คุณภาพสูง แม้ว่าจะขยายการลงทุนสูง “องค์กร” ต้องการเป็นค่ายอสังหาฯ ที่น่าทำงานด้วยเป็นอันดับ 1 โดยสร้างสังคมดี สมดุลดี อนาคตดี “ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” เป็นการขยายความรับผิดชอบสู่สังคมโดยรวม มีเป้าหมายแรกคือ SCEROmission (เอสซีโร่มิชชั่น) ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจกลง 25% ในปี 2568

“เราจะยั่งยืนบนวิถีโลกใหม่ได้ เราต้องเข้าใจก่อนว่าทุกสิ่งเชื่อมต่อกัน เราเรียนรู้เรื่องนี้ได้ดีจาก COVID-19 เพราะผู้ป่วย 1 คนวันนี้กลายเป็นผู้ป่วย 400 ล้านคนทั่วโลก และทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจจนไปสู่การเมือง เพราะฉะนั้น การเติบโตในโลกยุคใหม่ถ้ามองแต่กำไร เราจะไม่ยั่งยืนและเป็นเรื่องล้าสมัยแล้ว องค์กรที่จะโตในโลกยุคใหม่ต้องมองทั้ง Profit People และ Planet” ณัฐพงศ์กล่าว

 

แผนปี 2565 ลงทุนหนัก เปิดสองแบรนด์ใหม่

ด้านแผนระยะสั้นในปี 2565 ของ เอสซี แอสเสท มีแผนการลงทุนและเป้าหมาย ดังนี้

  • เปิดตัว 27 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท (แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 25 โครงการ มูลค่ารวม 33,500 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 2 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท)
  • เป้ายอดขาย 22,000 ล้านบาท
  • เป้ารายได้ 22,000 ล้านบาท
  • เป้าลงทุนซื้อที่ดินและอสังหาฯ ในสหรัฐอเมริกา 11,500 ล้านบาท
เอสซี แอสเสท
แผนธุรกิจเอสซีฯ ปี 2565

สัดส่วนรายได้ปีนี้แบ่งเป็น 66% มาจากแนวราบ 30% มาจากแนวสูง และ 4% มาจากธุรกิจโอกาสใหม่ และสัดส่วนการเปิดตัว 70% จะเป็นบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาท เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อสูง

เอสซีฯ ยังมีไฮไลต์ “แบรนด์ใหม่” 2 แบรนด์ คือ

  • “บ้านเดี่ยวราคามากกว่า 50 ล้านบาท” ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่บริษัทยังไม่เคยลงทุน แต่เห็นโอกาสความต้องการขณะที่ซัพพลายมีน้อย จะเปิดในทำเลเลียบด่วนรามอินทรา
  • “คอนโดฯ เพื่อคนเจนวาย” มีการออกแบบใหม่ให้เหมาะกับโลกปัจจุบัน เปิดในทำเล 130 เมตรจาก BTS สถานีวงเวียนใหญ่ ราคาของแบรนด์นี้จะอยู่ในช่วง 1-2 แสนบาทต่อตร.ม. แต่อาจปรับลงมาต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อตร.ม.ได้ถ้าอยู่ในทำเลที่เหมาะสม
ภาพเบื้องต้น คอนโดฯ แบรนด์ใหม่

ส่วนคอนโดฯ อีกโครงการหนึ่งคือ “สโคป ทองหล่อ” ติดถ.สุขุมวิทและ BTS สถานีทองหล่อ มีเพียง 20 ยูนิต ราคาเริ่ม 140 ล้านบาทต่อยูนิต เป็นคอนโดฯ ระดับซูเปอร์ลักชัวรีที่จะมาตอบโจทย์กลุ่มไฮเอนด์แต่ยังต้องการไลฟ์สไตล์แบบคอนโดมิเนียม

“เราเห็นสัญญาณเชิงบวกจากทั้งภายในภายนอก ภายในเราเห็นความพร้อมของเรา หนี้เรายังไม่สูง สภาพคล่องพร้อม เรามีวงเงินสดและวงเงินพร้อมเบิก 10,000 ล้านบาท ส่วนภายนอกองค์กร เราเห็นดีมานด์แนวราบเติบโตน่าตื่นเต้น ตลาดบ้านปีที่แล้วโตถึง 29% ซึ่งผมว่าทุกคนเพิ่งจะรู้จากวิกฤตนี้ว่า “บ้าน” เป็นที่ต้องการเพราะสเปซ” ณัฐพงศ์กล่าว “ผมเชื่อว่าเราผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และปีนี้จะคึกคักขึ้น”