ธนาคารกลางจีน ออกกฎใหม่ให้ธนาคารพาณิชย์ ต้องตรวจสอบข้อมูลและแหล่งที่มาของเงิน รวมถึงจุดประสงค์ในการใช้เงินของลูกค้าผู้ฝากเเละถอน ‘เงินสด’ มากกว่า 50,000 หยวน (ราว 2.56 เเสนบาท) ต่อธุรกรรม มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
เมื่อลูกค้าทำการฝากเเละถอนเงินสดในธุรกรรมครั้งเดียว ตั้งแต่ 50,000 หยวนขึ้นไป หรือเทียบเท่าสกุลเงินต่างประเทศมากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ข้อมูลประจำตัวของลูกค้าแต่ละรายจะต้องได้รับการยืนยันและตรวจสอบ พร้อมทั้งจะต้องเเจ้งแหล่งที่มาเเละวัตถุประสงค์ของการใช้เงินนั้นๆ ด้วย
เหตุผลที่บังคับใช้กฎใหม่ดังกล่าว หลักๆ มาจากยกระดับมาตรการป้องกันเเละควบคุมกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย อย่างการฟอกเงิน หลบเลี่ยงภาษี หรือกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยและผลประโยชน์ของประเทศ
การออกกฎใหม่นี้ ได้รับความสนใจอย่างมากเเละมีความคิดเห็นในหลายเเง่มุม เนื่องจากเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางจีน ระบุว่า กฎใหม่ดังกล่าวจะกระทบต่อลูกค้าทั่วไปเพียงเล็กน้อย เพราะอัตราการฝากเเละถอนเงินสดมากกว่า 50,000 หยวนต่อครั้งในจีน คิดเป็นเพียง 2% ของการฝากและถอนเงินสดทั้งหมดเท่านั้น
นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีช่องทางการชำระเงินเเบบไร้สัมผัสที่หลากหลาย ทั้งการชำระผ่านมือถือหรือใช้เงินหยวนดิจิทัลของรัฐบาล เเละหากจะต้องฝากหรือถอนเงินสดมากกว่า 50,000 หยวน ก็เพียงกรอกแบบฟอร์มแจ้งการใช้เงินสดก้อนใหญ่ เลือกวัตถุประสงค์การถอนเงินหรือต้นทางที่มาของเงินฝาก โดยไม่ต้องใช้เอกสารยืนยันประกอบอื่นใดเพิ่มเติม
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ธนาคารกลางจีน ตรวจพบกิจกรรมผิดกฎหมายเกี่ยวกับทางการเงินมากขึ้น เช่น การฉ้อโกง มิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ การระดมทุนผิดกฎหมายเเละการพนันข้ามพรมแดน โดยในปี 2021 เพียงปีเดียวได้มีการสอบสวนและดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องมากถึง 370,000 คดี
- จีนเปิดตัวแอปฯ เงินหยวนดิจิทัล “e-CNY” ยอดธุรกรรมพุ่งเกือบ 6.2 หมื่นล้านหยวน
- ยุทธศาสตร์ “ท่องเที่ยวจีน” ระยะ 5 ปี เน้นจีนเที่ยวจีน พัฒนาชนบท และอัปเกรด “ห้องน้ำ”
ที่มา : Global times , China Radio International