แม้จะเข้ามาทำตลาดในไทยได้ 6 ปีแล้ว แต่ต้องบอกว่า “นินจาแวน” มีการทำการตลาดน้อยกว่าแบรนด์อื่นๆ ค่อนข้างมาก ปีนี้จึงเป็นการโหมตลาดครั้งใหญ่ ลงทุนสร้างจุดรับสินค้า ใช้พรีเซ็นเตอร์ แถมทำคอนเทนต์ออนไลน์ โดยใช้ฝีมือ Salmon House หวังสร้างแบรนด์เพื่ออุดช่องว่างของตลาดส่งพัสดุ
สวนทางตลาด ไม่เล่นเรื่องราคา ขอเร่งสร้างแบรนด์
นินจาแวนเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นโลจิสติกส์ข้ามชาติ ที่ตบเท้าเข้ามาบุกตลาดในไทยเมื่อปี 2559 โดยที่นินจาแวนมีเจ้าของเป็นนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ ได้ทำตลาดที่แรกที่สิงคโปร์เมื่อปี 2557 จากนั้นได้ขยายตลาดในอาเซียน ปัจจุบันได้ให้บริการใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และประเทศไทย
จะเห็นได้ว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดส่งพัสดุในไทยมีการแข่งขันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้เป็นช่วงของการระบาดของไวรัส COVID-19 ยิ่งเร่งพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น ทำให้แม่ค้าต้องพึ่งพาการส่งพัสดุมากขึ้น
ในช่วงแรกการแข่งขันในตลาด ผู้เล่นยักษ์ใหญ่ต่างอัดฉีดงบเพื่อจ้างพรีเซ็นเตอร์เบอร์ใหญ่ในตลาดทั้งสิ้น หวังสร้างการรับรู้ ได้แก่ KERRY Express – เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ, J&T Express – มาริโอ้ เมาเร่อ และใบเฟิร์น พิมชนก, Flash Express – ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี และ Best Express – ณเดชน์ คูกิมิยะ
หลังจากนั้นก็เริ่มชูจุดเด่นที่ส่งเร็ว ส่งไว เพราะการจัดส่งพัสดุในอดีตอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 วัน และมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์อีกด้วย แต่เมื่อแต่ละรายใช้กลยุทธ์เดียวกัน ยากที่จะหาความต่าง จึงลงมาแข่งกันเรื่อง “ราคา” กันอย่างหนักหน่วง
จากแต่ก่อนราคาส่งด่วนเริ่มต้นที่ 30 บาท เริ่มปรับลงมาเหลือ 25 บาท 23 บาท 19 บาท จนล่าสุด J&T ได้ทุบราคาไปจนเหลือ 15 บาท มีทีท่าว่าการแข่งขันเรื่องราคาน่าจะอยู่ไปอีกยาว ก่อนหน้านี้ทางไปรษณีย์ไทยออกมาเปิดเผยว่า ด้วยความที่ตลาดไม่มีความแตกต่างกันมาก จึงต้องอาศัยราคาเพื่อสร้างความต่าง ดึงดูดลูกค้า
ในช่วงแรกๆ ที่ทำตลาด นินจาแวนก็ไม่ได้โหมตลาดเท่าที่ควร ไม่มีการใช้พรีเซ็นเตอร์ ไม่มีการเล่นราคามากนัก อีกทั้งยังโดนคอมเพลนจากลูกค้าอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากปัญหาส่งช้า จากที่สำรวจคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย หรือผู้ใช้บริการ Shopee จะพบว่า หลายคนไม่ค่อยอยากได้การขนส่งของนินจาแวน เพราะบริการไม่ประทับใจเท่าไหร่ ทำให้แบรนด์ดิ้งของนินจาแวนในไทยยังไม่ค่อยดีมากนัก
แต่ในปีนี้นินจาแวนได้บุกตลาดครั้งใหญ่ เน้นไปที่การสร้างแบรนด์ อัดงบลงทุนทั้งการสร้างจุดรับสินค้าให้มากขึ้น และใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก เรียกว่าเป็นการสวนกระแสตลาด หลังจากที่ตอนนี้ไม่มีใครใช้พรีเซ็นเตอร์เท่าไหร่นัก แต่หันมาทำโปรโมชันเรื่องราคาแทน
ซึ่งนินจาแวนยังไม่ลงไปเล่นเรื่องราคา ปัจจุบันค่าส่งเริ่มต้นที่ 23 บาท สำหรับส่งภายในกรุงเทพฯ แต่การันตีจัดส่งภายใน 1 วัน ส่วนส่งต่างจังหวัดเริ่มต้นที่ 30 บาท แต่บริการอื่นๆ ที่หลายเจ้าลงมาจับตลาดกันนั้น นินจาแวนยังไม่ลงมาเล่น อย่างส่งควบคุมอุณหภูมิ และส่งสินค้าขนาดใหญ่
เพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า
“ประเทศไทยได้เริ่มให้บริการมากว่า 6 ปีแล้ว มีการคาดการณ์ว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้า การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกครึ่งหนึ่งจะมาจากภูมิภาคเอเชีย โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงนวัตกรรมที่เกิดขึ้นมากมายก็มาจากภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน ประเทศไทยเองก็มีการคาดการณ์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ชจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 30% เมื่อเปรียบเทียบประเทศไทยกับตลาดที่ก้าวหน้าอย่างประเทศจีน เราพบว่าสัดส่วนของการทำอีคอมเมิร์ซในไทยมีเพียง 10% ของยอดขายปลีกทั้งหมด ในขณะที่ประเทศจีนมีสัดส่วนการทำอีคอมเมิร์ชมากถึง 25% สำหรับภาพรวมของตลาดขนส่งพัสดุในประเทศไทยมียอดการจัดส่งพัสดุพุ่งขึ้นมากถึง 3 เท่า แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะเริ่มลดลง แต่ว่ายอดจัดส่งพัสดุไม่ได้ลดลงและคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น”
สร้างคอนเทนต์ อุดช่องว่าง “มนุษย์ห่วง”
กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของนินจาแวนครั้งนี้สื่อสารผ่านวิดีโอ คอนเทนต์ หวังสร้างไวรัลให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น โดยครั้งนี้ได้ Salmon House มาร่วมทำคอนเทนต์ ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งคลิปไวรัลในยุคนี้
ภายในวิดีโอนี้ได้ดึงเอาอินไซต์ และ Pain Point ของผู้บริโภคกับการส่งพัสดุในยุคปัจจุบัน ที่ต้องเจอกับความกังวลต่างๆ ไม่ว่าจะส่งช้า สิ่งของเสียหาย ไม่มีรับประกัน ค่าส่งแพง เก็บเงินปลายทางได้รับเงินช้า ที่กล่าวมานี้เรียกว่า “ห่วง” สื่อสารว่าส่งกับนิจาแวนจะหมดห่วงปัญหาต่างๆ เหล่านี้ พร้อมให้พรีเซ็นเตอร์ “วู้ดดี้” มาช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ
แคมเปญโฆษณามนุษย์ห่วง มีเป้าหมายเพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ เน้น 4 ข้อหลักๆ
- การจัดส่งรวดเร็ว และคุ้มครองการบริการ การันตีส่งภายใน 1 วัน ถ้าอยู่ภายในกรุงเทพฯ
- คุ้มครองพัสดุสูญหาย หรือเสียหายในวงเงินสูงสุด 5,000 บาท
- บริการเก็บเงินปลายทางได้เงินภายใน 1 วัน
- ราคาคุ้มค่า
อัดงบ 100 ล้าน ใช้พรีเซ็นเตอร์ครั้งแรก
ในปีนี้นินจาแวนได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท นอกจากทำแคมเปญมนุษย์ห่วงแล้ว ยังเร่งขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มอีก 200 แห่ง และเพิ่มจุดบริการรับส่งพัสดุกว่า 2,000 แห่งในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีอยู่ 400 จุด ถือว่ายังมีจุดให้บริการที่น้อย เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด
เปิดตัว “วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา” เป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์คนแรก เพื่อสร้างการรับรู้ และการจดจำแบรนด์ให้มากขึ้น ตั้งเป้าการเติบโตไม่น้อยกว่า 200%”
เหตุผลที่นินจาแวนเลือกวู้ดดี้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะวู้ดดี้มีหลายบทบาท เป็นพิธีกรรายการทอล์กโชว์ สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ทุกรุ่นทุกวัย มีบุคลิก มีความคิดเห็นที่หนักแน่น เป็นนักธุรกิจ มีผู้ติดตามหลายล้านคนบนแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ เชื่อว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้