“พฤกษา” วางกลยุทธ์ใหม่ตั้ง Corporate Venture Fund งบลงทุน 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพด้านอสังหาฯ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม แผนอสังหาฯ ปี 2565 ยังตรึงพอร์ตในกลุ่มกลางถึงบน ตลาดล่างยังฟื้นยาก
หลังจาก “พฤกษา” ปรับตัวจัดองค์กรใหม่มาหลายปี ปีนี้ยังคงเดินตามเส้นทางเดิมเพิ่มเติมด้วยกลยุทธ์ใหม่ๆ ล่าสุดได้ผู้บริหารคนใหม่ “อุเทน โลหชิตพิทักษ์” นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
อุเทนแจกแจงกลยุทธ์ภาพใหญ่ของพฤกษาปี 2565 ประกอบด้วย 4 ข้อหลัก คือ
1.ลดพอร์ตคงค้าง จากเดิมมีพอร์ตสินค้าคงค้างมูลค่า 23,300 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือ 7,500 ล้านบาท โดยใช้เวลา 2 ปี ปีนี้จะยังคงจัดสมดุลให้พอร์ตคงค้างไม่เพิ่มมากเกินไป รวมถึง เปลี่ยนเซ็กเมนต์หลักจากระดับกลางล่างเป็นระดับกลางจนถึงบน (ราคา 7 ล้านขึ้นไป)
2.บริหารแลนด์แบงก์ในมือที่มี 157 แปลง มูลค่ารวม 15,400 ล้านบาท
3.บริหารความร่วมมือ (synergy) ระหว่างพฤกษาและโรงพยาบาลวิมุต เช่น การตั้ง Vimut Health Center บริเวณพฤกษา อเวนิว บางนา-วงแหวน ซึ่งจะเปิดบริการปีนี้
4.สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม โดยบริษัทมีการจัดตั้ง Corporate Venture Fund งบลงทุน 3,500 ล้านบาท เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพ 3 ด้านคือ อสังหาฯ (PropTech), สุขภาพ (HealthTech) และ สิ่งแวดล้อม นวัตกรรมจากสตาร์ทอัพเหล่านี้จะนำมาต่อยอดให้กับพฤกษาและโรงพยาบาลวิมุต โดยรับสมัครสตาร์ทอัพแล้วและมีผู้สมัครมากว่า 100 ราย บริษัทจะทำการคัดเลือกและจัดบูทแคมป์ให้กับผู้ผ่านการคัดเลือกต่อไป
การลงทุนกับสตาร์ทอัพหรือบริษัทอื่นเพื่อนำนวัตกรรมมาใช้ พฤกษาไม่ได้มองเฉพาะในประเทศ แต่ยังมองไกลถึงต่างประเทศด้วย เช่น เมื่อต้นปีนี้ พฤกษามีการลงทุนกับบริษัทด้านห้องแล็บ ระบบสุขภาพบนดิจิทัล และแล็บจีโนมิค โดยเป็นบริษัทชั้นนำของสิงคโปร์
เห็นได้ชัดว่าพฤกษายังคงมุ่งมั่นสานต่อกลยุทธ์การ synergy ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจสุขภาพในทุกๆ ด้าน
“การ synergy กับฝั่งโรงพยาบาลวิมุต ทำอย่างไรให้ขยายตัวตามไซต์บ้านเราได้ทันต่อความต้องการ เป็นโจทย์ใหญ่เพราะเราต้องการจะให้สิ่งนี้เป็นจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์ของพฤกษาให้ได้” อุเทนกล่าว
“การ synergy กับฝั่งโรงพยาบาลวิมุต ทำอย่างไรให้ขยายตัวตามไซต์บ้านเราได้ทันต่อความต้องการ เป็นโจทย์ใหญ่เพราะเราต้องการจะให้สิ่งนี้เป็นจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์ของพฤกษาให้ได้”
นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด เสริมว่า หลังจาก รพ.วิมุต ถ.พหลโยธิน เปิดบริการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 โรงพยาบาลเป็นที่รู้จักจากการเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19
สำหรับปีนี้จะมุ่งขยายเข้าสู่ชุมชน โดย Vimut Health Center บริเวณพฤกษา อเวนิว บางนา-วงแหวน จะเปิดได้ในเดือนสิงหาคมนี้ รวมถึงเชื่อว่าสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น จะทำให้ประชาชนต้องการการรักษาโรคด้านอื่นมากขึ้น เป็นโอกาสการทำตลาด
ปรับพอร์ตได้ตามแผน
“ปิยะ ประยงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท สรุปผลการดำเนินงานปี 2564 สร้างยอดขาย 25,400 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 28,000 ล้านบาท
โดยปฏิบัติการลดโครงการระหว่างขายของพฤกษาทำได้สำเร็จแล้ว ลดจากเดิมที่มีกว่า 200 โครงการ เหลือ 145 โครงการ และมีการเติมพอร์ตเปิดโครงการใหม่ปีละประมาณ 30 โครงการเท่านั้น เพื่อทดแทนโครงการที่ปิดการขายได้ทั้งหมด โดยที่ยังคงตัวเลขนี้ไว้ และให้พอร์ตพฤกษามีเฉพาะโครงการคุณภาพ
นอกจากนี้ การปรับเซ็กเมนต์จากกลางล่างไปเป็นกลางถึงบนมากขึ้นก็ทำได้ต่อเนื่อง นับตั้งแต่ไตรมาส 4/2563 จนถึงตลอดปี 2564 ยอดรับรู้รายได้จากเซ็กเมนต์กลางถึงบนขึ้นไปมีสัดส่วน 12-17% แล้ว จากในอดีตเคยมีสัดส่วน 5-8% เท่านั้น
การปรับตัวดังกล่าวร่วมกันการลดต้นทุนผ่านการใช้ระบบดิจิทัลทุกขั้นตอน และใช้เอาท์ซอร์สมากขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ณ ไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 31.7% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12.8%
ปี 2565 กลางถึงบนยังมาแรง
ด้านแผนดำเนินงานปี 2565 ปิยะระบุว่า พฤกษาจะเปิดโครงการใหม่ 31 โครงการ มูลค่ารวม 16,300 ล้านบาท โดยบริษัทยังเน้นเปิดโครงการขนาดเล็ก 20-30 ไร่เพื่อให้ปิดการขายทั้งโครงการได้เร็ว ทำให้มูลค่าไม่สูงนัก
โครงการเปิดใหม่เกือบทั้งหมด 22 โครงการจะเป็นสินค้าทาวน์เฮาส์ อีก 6 โครงการเป็นบ้านเดี่ยว และ 3 โครงการเป็นคอนโดมิเนียม ได้แก่ พลัม เซ็นทรัล รามอินทรา, ไพรเวซี่ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เฟส 2 และพลัม คอนโด บางพลัด
ตลาดที่บริษัทเน้นปีนี้ยังคงเป็นตลาดกลางถึงบน รวมถึงคอนโดฯ ที่แม้จะเป็นแบรนด์พลัม แต่จะดันราคาของแบรนด์นี้ขึ้นมาเริ่มต้นที่ราวๆ 2 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อแข็งแรง สามารถกู้สินเชื่อบ้านได้ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าพนักงานประจำรายได้ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป หรือกลุ่มเจ้าของธุรกิจที่มีรายได้สูง
“เศรษฐกิจแบบนี้จะกระทบกับลูกค้ารายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน เราก็จำต้องลดพอร์ตตรงนั้น” ปิยะกล่าว “อย่างคอนโดฯ พลัม ที่เคยเริ่มราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท กลุ่มนี้ตอนขายยอดจองสูงมากก็จริง แต่ยอดยกเลิกหรือถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารก็สูงมากเหมือนกัน ทำให้โอนยาก ราคากลุ่มนี้เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าก็ลำบาก ทำให้เราคงยังไม่กลับสู่ตลาดช่วงนี้”
ขณะที่เป้ายอดขายวางไว้ที่ 31,000 ล้านบาท เป้ารายได้ 33,000 ล้านบาท โดยมีแบ็กล็อกรอโอน 20,000 ล้านบาทซึ่งจะโอนในปีนี้ 17,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีคอนโดฯ สร้างเสร็จ 7 โครงการ ได้แก่ แชปเตอร์ เจริญนคร ริเวอร์ไซด์, เดอะ รีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61, พลัม คอนโด รังสิต เฟรช, พลัม สุขุมวิท 62, พลัม คอนโด พระราม 2, เดอะ ไพรเวซี่ จตุจักร และแชปเตอร์ จุฬา-สามย่าน ซึ่งบริษัทจะเร่งการโอนให้เสร็จภายในสิ้นปี
ในระยะยาวต้องติดตามว่า “พฤกษา” จะพลิกโฉมไปอย่างไร หลังจากวางหมุดหมายการเป็นที่อยู่อาศัยพ่วงการดูแลสุขภาพ และเริ่มมีการลงทุนนวัตกรรมสูงขึ้น