KUBCOIN เจ้ามือรวย แมงเม่าม้วยมรณา

ย้อนรอยอภินิหาร “Kubcoin” จากเหรียญมโนสู่เหรียญทองคำ ราคาจาก 30 บาทลากขึ้นไป 500 กว่าบาท หรือขึ้น 1,800% ก่อนเจ้ามือทุบจนแมงเม่าแดดิ้น ก.ล.ต. ลั่นตรวจสอบถึงที่สุด สะท้อนภาพความน่าเชื่อถือตลาดไทย เหรียญไทย อันตรายไม่ต่างจากบ่อนพนัน ฝันเทียบสากลยังห่างไกล คนต้องมนต์ต้องคิดให้หนัก

จากกรณี “ซูเปอร์ดีล” ที่กลุ่มธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)” จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) 51% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.78 หมื่นล้าน เพื่อเป็นทางลัดเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) เริ่มมีคำถามว่า จะได้คุ้มกับเสียหรือไม่? (ดังรายละเอียดตอนที่ 1) ขณะที่ฝั่งของสตาร์ทอัป บิทคับ (Bitkub) โดย กลุ่มของ “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งวิเคราะห์กันว่า มีได้กับได้ โดยเด้งแรกที่ได้คือ เงินจากการขายหุ้นให้ SCBX ที่ส่งผลให้จากสตาร์ทอัปที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียงไม่กี่ปีกลายร่างเป็น “ยูนิคอร์น” ตัวใหม่ของประเทศ และ อีกเด้ง คือ มูลค่าราคาของ Kubcoin เหรียญของ Bitkub เองที่ราคาพุ่งสร้างอภินิหารที่ตามมาด้วยข้อสงสัยมากมาย

KUB Cion เริ่มจากเหรียญมโน??

ตามข้อมูลในไวท์เปเปอร์ V1 ของ Bitkub ระบุว่า Bitkub Coin (KUB) คือ เหรียญประจําเครือข่าย Bitkub Chain (เปรียบได้กับ Ether บน Ethereum Network) ทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนเครือข่ายกระจายศูนย์ โดยจะมีหน้าที่เป็น Gas เช่นการสร้างบล็อกเชนใหม่ การทําธุรกรรมบนเครือข่าย Bitkub Chain หรือ เครือข่าย Smart Contracts เช่น การโอนทรัพย์สิน, การจัดเก็บข้อมูลและอื่นๆ และ สามารถนําไปแลกเป็น Fee Credits หรือค่าธรรมเนียมในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบนกระดานเทรด Bitkub

เรียกว่า Kub เป็น Utility Token ที่บิทคับเขียนแผนวาดฝันโฆษณาชี้ชวนกับนักลงทุน จะให้เป็นตัวอย่างของเหรียญคริปโตพันธุ์ไทยที่จะผลักดันให้มีการใช้เชื่อมต่อการทำธุรกรรมต่างๆ บนเครือข่ายของพวกเขา ไม่ต่างจากเครือข่ายของอีเทอร์เลียมในระดับสากล โดย Bitkub จะทำการออกเหรียญทั้งหมด 1,000 ล้านเหรียญ คำนวณมูลค่าที่เหมาะสมไว้ที่ราคา 30 บาทต่อ 1เหรียญ หรือ จะระดมทุนได้กว่า 30,000 ล้านบาท!

Photo : Shutterstock

ทว่า ในแวดวงสตาร์ทอัปขณะนั้นหลังจากได้เข้าไปดูไวท์เปเปอร์ V1 ของบิทคับต่างพากันประหลาดใจไม่น้อย ที่แผนนอกจากจะให้รายละเอียดไม่มากนัก ไม่ต่างกับการ “มโน” ที่ KUB ไม่มีมูลค่าอะไรในตัวเอง หรือ ปัจจัยพื้นฐานอะไรรองรับ แต่กลับการเล่นใหญ่ด้วยการตั้งเป้าระดมกว่า 30,000 ล้าน และ ชี้ชวนให้เห็นว่า Kubcoin คือเงินอนาคตจะมาเปลี่ยนโลกธุรกิจ “Kubcoin is Futureof Thailand” ทำไมหน่วยงานกำกับดูแลถึงกล้าปล่อยให้มีการระดมทุนหลายหมื่นล้านได้เลยหรือ?

มิหนำซ้ำ ยังมีคำถามว่า เจ้าของสามารถเสกเหรียญขึ้นมาเพื่อขายเอาเงินไปใช้ในโครงการ แถมยังเทรดในตลาดตัวเองเก็งกำไรสูงต่ำหูดับตับไหม้ ลักษณะไม่แตกต่างจากยกบ่อนพนันออนไลน์ขึ้นมาเล่นอย่างถูกกฎหมายใช่หรือไม่??

ที่สำคัญ จากไวท์เปเปอร์ แสดงให้เห็นถึง บิทคับ ตั้งใจปล่อยเหรียญออกมาขายในตลาดตัวเองเรื่อยๆ โดยอ้างว่า เป็นค่าพัฒนาธุรกิจ สภาพคล่อง และพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งถ้าเป็นไปตามโรดแมปย่อมหมายถึงเม็ดเงินมหาศาลที่จะเข้ากระเป๋าเจ้าของเหรียญอย่างง่ายดาย

อภินิหาร Kubcoin จาก 30 บ. ราคาปั่นขึ้นไป 1,833%

Kubcoin เปิดตัวเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2564 แต่ไม่ได้สวยหรูอย่างที่นักเทรดคิด โดยการซื้อขายเปิดด้วยตัวแดง จากการเทขายอย่างหนัก ราคาร่วงจาก 30 บาทไหลรูดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 12 บาท นักวิเคราะห์มองว่า นั่นคือ ภาพสะท้อนความเชื่อมั่นและปัจจัยพื้นฐานที่มีต่อ Kubcoin และเจ้ามือถือโอกาสทำกำไรตั้งแต่แรกเลย

ราคา Kubcoin ที่เปิดตัวไม่สวยด้วยแดงเลือดสาดทำให้บรรดานักลงทุนเรียกร้องผ่านโซเชียลทวิตข้อความเรียกร้องให้ท๊อป จิรายุส ที่สร้างตัวตนให้แฟนคลับบนโลกออนไลน์รับรู้ถึงคนที่จะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนชีวิตนักเทรด ให้เชื่อมั่นในเหรียญ Kub ออกมาช่วยเหรียญหน่อย ซึ่ง ท๊อป ก็ขานรับได้โพสต์ลงทวิตเตอร์ว่า “เดี๋ยวคอยดูกัน”

ว่ากันว่า ใน 2 วันแรกที่ Kubcoin สามารถขายได้ 50 ล้านเหรียญ จากนั้นราคาก็ร่วงลงมาเหลือ 13-14 บาท เนื่องจากคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. มองเห็นสัญญานอันตราย จึงตั้งกฎว่าห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ซื้อขายออกเหรียญเองเทรดเองเพราะขัดแย้งผลประโยชน์ แม้จะไม่มีผลย้อนหลัง แต่ทำให้ศูนย์ซื้อขายอื่นๆ ทำไม่ได้จนเกิดเป็นดราม่ากัน

หลังจากนั้น ปรากฏในเวลาต่อมาเพียง 1 เดือน บิทคับ ต้องออกประกาศไวท์เปเปอร์ V2 ออกมา ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การ “เผาเหรียญ” ทิ้ง 89% หรือ จาก 1,000 ล้านเหรียญให้เหลือเพียง 110 ล้านเหรียญ เพื่อดึงราคา และ สภาพคล่องให้กับ Kubcoin

ทว่า จุดเปลี่ยนของ Kubcoin ก่อนที่ราคาถูกปั่นทะลุเมฆก็ต้องบอกว่า มาจากข่าวการเข้ามาซื้อหุ้นของผู้เล่นรายใหญ่ SCBX ค่ำคืนวันที่ 2 พ.ย. 2564

ราคาเหรียญขยับจากเดิมที่ระดับ 30 – 33 บาท ต่อ 1 เหรียญ พุ่งสูงขึ้นถึง 98 บาทต่อเหรียญ หรือกว่า 196%

จากนั้น “สตอรี่” เพื่อสนับสนุนให้เหรียญดูมีค่ามีราคาต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาเป็นราววางพล็อตซีรีส์เกาหลีนั่นคือ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. “ท๊อป จิรายุส” นำทีมเปิดตัว “Bitkub NFT” ซึ่งเป็น Official Project แพลตฟอร์มของ Bitkub Chain ประโคมโอ่ว่า เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้ามาสัมผัสและเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่กำลังเป็นกระแสระดับโลก

สิ่งที่ช่วยเพิ่มแรงดึงดูดของ Bitkub NFT คือการดึงคนที่มีชื่อเสี่ยง เข้ามาร่วมซื้อขาย อาทิ บี้ เดอะสกา, ปลื้ม VRZO, เก๋ไก๋สไลเดอร์ ฯลฯ เข้ามาเปิดขายในแพลตฟอร์มดังกล่าว

ข่าวดีประกอบกับ การตีปี๊บสร้างกระแสจากอินฟูเอนเซอร์ทำให้ราคา Kubcoin ในช่วงนั้นซึ่งขยับขึ้นไปอยู่ที่ 123 บาทต่อ 1 เหรียญ ส่งผลจิตวิทยาทำให้บรรดานักเทรดมือใหม่ นักเรียน นักศีกษา เหล่านักลงทุนรายย่อยมองเห็นโอกาสเข้าตลาดหากำไร ไม่ต้องคิดมากแห่แหนเข้ามาเทรด Kubcoin กันอย่างคึกคัก ยิ่งทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นไปอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งดีดตัวเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับ 500 บาทต่อ 1 เหรียญ เพิ่มขึ้น 306.50% ทำจุดสูงใหม่เป็นประวัติการณ์ (All Time High) เป็นอภิหารที่ไม่มีวันลืมเลือนของนักเทรด หรือนักรบของบิทคับ

ปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้สาวกหรือผู้ที่ชื่นชอบใน Bitkub ที่ทำกำไรได้สุดโต่ง ประกาศจะแก้ผ้าวิ่งหน้าบริษัท Bitkub ทำเอา “ท๊อป จิรายุส” ปลื้มส่งข้อความผ่านทวิตฯ กลับว่าถ้าจะวิ่งขอเป็น Bikini สีเขียวจะดีกว่า

ขณะที่ ณ เวลานั้น นักวิเคราะห์หลายคนที่กังวลว่าราคาของเหรียญอาจมีการปรับฐานร่วงลงได้ตามกลยุทธ์ Sell on Fact ส่วนด้านเหตุและผลของคำกล่าวอ้าง ในเวลานั้นคือ มูลค่าราคาเหรียญ KUB ที่ระดับ 500 บาทต่อ1 เหรียญนั้นมาจากสภาวะตลาดที่มีการเข้าซื้อมากจนเกินไป (Over bought)

แต่ใช่ว่า Kubcoin จะหยุดเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากดูเหมือนจะหมดสตอรี่สร้างราคาให้เหรียญ จนราคาร่วงลงมาต่ำกว่า 240 บาทต่อเหรียญอีกครั้ง ปรากฏ Kubcoin ก็สร้างอภินิหารสำแดงเดชส่งท้ายปี ในวันที่ 28 พ.ย. เมื่อทางกลุ่มประกาศข่าวดี Kubcoin ถูกนำไปเทรดในกระดานระดับโลกแล้วถึง 3 ตลาด จนราคาขยับไปที่ 580 บาทต่อ 1 เหรียญ หรือ 1,833% จากราคาตั้งต้นของเหรียญที่ระดับ 30 บาทต่อ 1 เหรียญ

วันมหาวิปโยคปั่นแล้วทุบ?

อย่างไรก็ดี การลงทุนมีความเสี่ยง การเทรดคริปโตที่ว่ากันว่าเป็นตลาดซิ่ง ที่ขึ้นสูงสุดสอยอยู่บนดอยฟ้ากว้างฉันใดก็ดำดิ่งลงก้นเหวได้พลันเช่นกัน หรือเรียกว่า กำไรเป็นพัน% ก็ต้องเตรียมตัวทำใจขาดทุนได้เป็นพัน% โดยเฉพาะเมื่อปัจจัยเปลี่ยนแปลงเร็ว และ เจตนาของขาใหญ่ ที่จงใจปั่นราคาแล้วทุบ?

ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า เป็นวันวิปโยคของบรรดานักลงทุนรายย่อยในตลาดบิทคับ ขณะที่ยังเมามันส์กับการเก็งกำไร สรรเสริญท๊อป จิรายุส เป็นสุดยอดเจ้าพ่อคริปโตฯผู้เสกความมั่งคั่งให้นักลงทุนได้ จู่ๆ หลังจากราคา Kub ขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ไม่นาน ก็มีแรงเทขายอย่างหนักในช่วงเช้าวันที่ 30 พ.ย. 2564 ส่งผลให้ราคาเหรียญดิ่งเหวลงไปอยู่ต่ำสุดของวันที่ 150 บาท หรือ ร่วงไป 70%

วันเดียวกันกับที่ Kub ร่วงหนักอีกสองเหรียญสัญชาติไทย Jfincoin และ Six Coin ที่เทรดในตลาดของ Bitkub ก็กอดคอกันในร่วงพร้อมกันอย่างน่าผิดสังเกต ลักษณะเหมือนการปั่นราคาแล้วทุบลงมาในจังหวะแพตเทิร์นเดียวกัน ซึ่งในแวดวงนักลงทุนว่ากันว่า เป็นหายนะของแมงเม่าอย่างแท้จริง ที่ถูกเกมปั่นราคาหลอกให้เข้ามาซื้อในราคาที่สูงก่อนที่เหมือนมีใครถอดปลั๊กตลาด Bitkub แบบน่าสงสัยว่า มันเกิดอะไรขึ้น?

ราคาที่ร่วงอย่างน่าตกใจ ทำให้รายย่อยนักเทรดทั้งหลายร้องระงมไปทั่วโซเซียล ไม่เว้นแม้แต่ “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” นักฟุตบอลทีมชาติไทย คนดังถึงกับโพสต์ความในใจพร้อมแคปหน้าจอกราฟแสดงราคาเหรียญ Kubcoin ลงโซเชียลส่วนตัว ฝากถึง บิทคับในวันมหาวิปโยควันนั้นว่า “ทำกันได้ลงคอนะ Kub” โดยมีแฟนๆ และสาวกบิทคับออกมาแสดงความเห็นร่วมชะตากรรมเดียวกันและแชร์ไปจำนวนมาก

เจ้ามือรวย แมงเม่าม้วยมรณา

ประเด็นดังกล่าว หลายฝ่ายเชื่อว่า เหรียญที่เทรดในตลาดบิทคับ ย่อมมีผู้กำกับ หรือ “เจ้ามือ” ทำราคาเหรียญ KUB ที่ไม่น่าขยับขึ้นได้ให้ขึ้นได้ราวกับร่ายเวทมนต์ นอกจากนี้ยิ่งทำให้เชื่อว่า การขยับของเหรียญ KUB ไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานของเหรียญ หากแต่มาจากอารมณ์ร่วมของนักลงทุน และ “พลังยุทธ์” มากกว่า หนี่งในนั้นก็เป็นผู้ก่อตั้งเองที่ขยันทวิตข้อความสนับสนุนเหรียญของตัวเอง

หากจะถามว่า Kub ที่ถูกปั่นราคาให้บินสูงขึ้นเรื่อยๆ จาก 30 บาทมาไกลถึง 500 กว่าบาทแน่นอน เจ้ามือกินรวบ รวยอู้ฟู่ แต่สำหรับรายย่อยมันคือ หายนะ การหมดเนื้อหมดตัว ใครที่ขายไม่ทัน ออกไม่ได้ แม้จะรู้ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง แต่คำถามคือ หากเป็นเรื่องของการทำราคา ปั่นเหรียญ อินไซต์เดอร์การซื้อขายอย่างยุติธรรมมันควรมีหรือไม่? หรือจะปล่อยให้พวกเขาแมงเม่าม้วยมรณาไปอย่างไม่อินังขังขอบ ตกเป็นเหยื่อของเจ้ามือที่โกยเงินเข้ากระเป๋าไปเรียบร้อย

ปั่นคริปโตน่ากลัวพอกับปั่นหุ้น

จากข้อมูลที่กล่าวมา ทำให้พอทราบว่าลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาเหรียญคริปโตฯ ทุกวันนี้ ไม่ต่างอะไรจากหุ้นปั่นในอดีต ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเจอคำถามว่า “ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือขึ้นโดยเหตุผลรองรับไม่เพียงพอ” และใครที่ได้ที่เสียกับลการขึ้นของราคาหุ้น จะเป็นป้าแม้วที่ขายส้มตำอยู่หน้าออฟฟิศ หรือน้าปูแม่บ้านหรือเปล่า? หรือ “คนที่คุณรู้ว้าใคร?”

สิ่งเหล่านี้ ทำให้ต้องย้อนกลับมาถึง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีความสามารถในการตรวจสอบมากน้อยเพียงใด เพราะนี่คือเหรียญคริปโตฯ ไม่ใช่หุ้นที่มี “ซิลลิ่ง –ฟลอร์” มาช่วยติดเบรก หรือส่งสัญญาณเตือน อีกทั้งถ้ามีการเตือนเกิดขึ้น บรรดาสาวกในวงการคริปโตฯ คงไม่พอใจหากราคาเหรียญถ้าจะเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงแล้วต้องถูกห้าม หรือถูกเบรก และมองว่าเป็นการปิดกั้นเสรี

Closeup – Woman is checking Bitcoin price chart on digital exchange on smartphone, cryptocurrency future price action prediction.

ขณะเดียวกันหากมองในมุมของการลงทุนหุ้น เรื่องราวบางเรื่องที่เหรียญคริปโตนำมาสร้างกระแสปั่นราคา หนีไม่พ้นกับคำว่า “Insider” การเอาข้อมูลภายในมาหาผลประโยชน์ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญของหน่วยงานที่กำกับดูแลควรให้ความใส่ใจต่อเหตุการณ์เหล่านี้

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงกระแสการปั่นราคาเหรียญคริปโตฯ ที่เกิดขึ้นว่า ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบถึงความไม่เป็นธรรมของราคาเหรียญคริปโตฯ ด้วยเช่นกัน เพราะลักษณะของการสร้างราคามีความใกล้เคียงกับการปั่นหุ้น แต่จำเป็นต้องดูให้ชัดเจน ต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล ทำให้ต้องใช้เวลา และต้องไปดูว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันมีข่าวอะไรถึงทำให้ราคามันปรับขึ้น

“อย่างไรก็ตาม ก็ต้องให้โอกาสชี้แจง ที่ผ่านมาราคาเหรียญคริปโตฯ ถือว่าร้อนเกินควร ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง มันเป็นหน้าที่ ก.ล.ต.เรามีอำนาจหน้าที่ ที่ผ่านมาเขามีแต่ปั่นหุ้น ตอนนี้ก็อาจมีการปั่นเหรียญ อยู่ดีๆ ขึ้นราคาได้งัยเราต้องดูสภาพผิดปกติ มีใครเข้ามาทำราคา ใครเอาเปรียบผู้ลงทุน และเนื่องจากมันเป็นคดีอาญา จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างชัดเจน ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไม่ให้มีข้อสงสัย”

KUB ส่งเสริมหรือทำลายความน่าเชื่อถือคริปโตไทย?

จากปรากฏการณ์ อภินิหาร Kubcion นับแต่เป็นเหรียญในไวท์เปเปอร์ถูกปล่อยออกมาเทรดใน Bitkub Exchange แพลตฟอร์มเทรดคริปโตฯ สัญชาติไทยจนถึงการ “ปั่นราคา” อยู่เหนือเหตุผลของปัจจัยพื้นฐานดูเหมือนว่า ตอนนี้จะเริ่มมีคำถามว่า แท้ที่จริง การออก Kub ของบิทคับเพื่อส่งเสริมหรือทำลายความน่าเชื่อถือให้กับวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทยกันแน่?

คำอธิบายในไวท์เปเปอร์ดูเหมือนจะทำเป็นตัวอย่างให้องค์กรธุรกิจ กลุ่มนายทุนได้เห็นถึง ด้านของการพัฒนาส่งเสริมการเชื่อมต่อโลกอนาคต แรกๆ หากองค์กรธุรกิจกระโจนลงมา หรือ คนที่มีชื่อเสียงไม่ต้องการตกเทรนด์ อาจจะดีในแง่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของตนเองให้ดูดีทันสมัย แต่ในระยะยาวมันอาจจะตรงกันข้ามก็ได้ ใครเลยจะรู้

Photo : Shutterstock

เนื่องเพราะ ทำไปทำมา Kubcoin กลับสื่อไปอีกด้าน นั่นคือ ด้านมืด เงินอนาคตหาได้อย่างง่ายดาย หลอกนักเทรดมือไหม่ คนรุ่นใหม่หวังรวยโดยโชคช่วยให้เข้ามาสัประยุทธ์ในตลาดที่เต็มไปด้วยการสร้างราคาเหรียญ เก็งกำไร ไม่ต่างกับการพนัน เป็นตลาดที่พร้อมจะสร้างความร่ำรวยให้กับเจ้าของเหรียญอย่างนั้นหรือ??

เหรียญอย่าง KUB, SIX, JFIN มีการซื้อขายคิดเป็นเกือบ 70% ของยอดการซื้อขายทั้งหมด แซงหน้าเหรียญยอดนิยมอย่าง BTC อย่างไม่เห็นฝุ่น ย่อมไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากการเก็งกำไรการขึ้น-ลงอย่างรุนแรงของเหรียญของคนไทย ที่มีการซื้อขายเฉพาะในวงคนไทยเป็นส่วนใหญ่ สะท้อนภาพว่า เหรียญสามารถถูกปั่นราคาได้ง่ายใช้เงินไม่มากปริมาณ supply ของเหรียญน้อย อาศัย Market marker ที่ถูกจ้างมา และข่าวความร่วมมือนู่นนี่นั่นก็ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้ตามปรารถนาของ “เจ้ามือ” จน “แมงเม่า” นักลงทุนหน้าใหม่ หลงแสงเข้ามาติดกับดัก เหรียญที่ถูกปั่นราคาขึ้นไปก็พร้อมที่จะเทขายเพื่อทำกำไรอย่างที่เห็น

ขณะที่การตรวจสอบของก.ล.ต.แม้จะเปิดวอร์รูมติดตามตรวจสอบ ฟังว่า ได้ตรวจสอบกรณีของ 3 เหรียญไทยสร้างราคาหรือไม่ไปแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่ก็ถูกมองว่า ล่าช้า จึงมีคำกล่าวว่า ขนาดปั่นหุ้นยังจับได้ยาก ปั่นคริปโต การจะจับมือใครดมนั้นยิ่งไม่ต้องคาดหวัง

ความน่าเชื่อของตลาดคริปโตฯ ไทยจึงยังเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ซึ่งการพัฒนาส่งเสริมสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่เรื่องผิดแปลกเพราะแนวโน้มโลกการเงินเปลี่ยนแปลงเร็ว ไทยก็ต้องปรับตัวตาม แต่ใครก็ตามที่เอากระแสมาขี่ ทำโฆษณา เอาความคิดสร้างความร่ำรวย สร้างความเชื่อผิดๆ ให้ตลาด มิหนำซ้ำกระทำเป็นตัวอย่าง ย่อมเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

โปรดติดตาม “Bitkub” ยูนิคอร์นสายพันธุ์อันตราย?? ได้ในตอนที่ 3 วันจันทร์หน้า

Source