มูลค่าตลาดกว่า 12,000 ล้านบาทต่อปี และเติบโตอีกไม่ต่ำกว่า 5-10% ของตลาด “ชุดชั้นใน” ถือว่ามหาศาล จนแต่ละแบรนด์ต้องลงแรงแข่งขันกันอย่างเต็มที่ และยิ่งสาวๆ ยุคนี้ไม่ได้มองแค่ว่าสวยอยู่ข้างในเท่านั้น แต่ชุดชั้นในก็เป็นแฟชั่นพอๆ กับเสื้อผ้าภายนอกที่ทำให้เธอเหล่านั้นสวยด้วยเช่นกัน ตลาดนี้จึงมีความเคลื่อนไหว และกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจไม่น้อย
จากดีไซน์ของเสื้อผ้าสมัยนี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นสัดส่วนของผู้สวมใส่มากขึ้น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นดีไซน์เสื้อชั้นในพยายามโชว์ฟังก์ชันหรือลูกเล่นต่างๆ เช่น โชว์ลูกไม้ด้านหน้า สายบ่าประดับเพชร/คริสตัล สายบ่าที่สามารถถอดสลับตำแหน่งได้ นอกเหนือจากเนื้อผ้าที่ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย ไม่อึดอัด และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้สาวๆ ให้ความสำคัญกับ “เสื้อชั้นใน” กันมากกว่าแต่ก่อนเพื่อให้สามารถสวมใส่เสื้อผ้าชั้นนอกได้สวยและมั่นใจยิ่งขึ้น
บริษัท ฟาร์อีสท์ ดีดีบี จึงได้สำรวจความคิดเห็นกับผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเพศหญิงล้วน ที่มีอายุระหว่าง 18 – 30 ปี จำนวนทั้งหมด 200 คน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อชุดชั้นใน โดยเป็นการทำการศึกษาผ่านทาง Insights Springboard ซึ่งเป็นเครื่องมือการศึกษาเบื้องลึกของผู้บริโภคที่สามารถทำให้เข้าใจเกี่ยวกับทัศนคติ และความต้องการของผู้บริโภคและสังคมแวดล้อมได้อย่างลึกซึ้ง
ทนทานและทะนุถนอม ใส่สวยได้นาน
ชุดชั้นใน เป็นชุดที่ต้องสะอาดสะอ้านที่สุด เพราะเป็นชุดที่อยู่ติดกับร่างกายของผู้หญิงมากที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อผ้า ฟองน้ำ และโครงเหล็กดันทรง ยิ่งเป็นส่วนที่ต้องการ การทะนุถนอม เพื่อให้เสื้อชั้นในยังคงคุณภาพเหมือนเดิมและอยู่กับเราให้นานที่สุดเพราะสนนราคาตัวๆ หนึ่ง ก็มิใช่น้อย
จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงวิธีในการดูแล และทำความสะอาดชุดชั้นในนั้นพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมเกี่ยวกับการดูแล และทำความสะอาดชุดชั้นใน หลักๆ ดังต่อไปนี้
พฤติกรรมเกี่ยวกับการทำความสะอาดชุดชั้นใน | |
ตากในที่ร่ม มีลมโกรก | 63% |
ใช้นํ้ายาซักผ้าสูตรอ่อนโยน หรือผลิตภัณท์ซักผ้าสำหรับเด็กในการทำความสะอาด | 60% |
ซักแต่เบามือ ไม่ขยี้ / ไม่ใช้แปรง | 59% |
ใช้ถุงผ้าสำหรับใส่ชุดชั้นในทุกครั้งที่ซักด้วยเครื่องซักผ้า | 42% |
ใช้แปรงขนนุ่มๆ ถูเบาๆในบริเวณที่มีคราบสกปรก | 33% |
ตากโดยการแขวนบนไม้แขวนเท่านั้น | 31% |
ตากโดยแขวนเป็นแนวราบเพื่อให้นํ้าหยดในแนวสมํ่าเสมอเท่ากันทั้งตัว | 30% |
สลัดนํ้าที่ค้างในเสื้อชั้นในออกมาให้มากที่สุดก่อนตากเสื้อชั้นใน และไม่บิดเสื้อชั้นใน | 26% |
ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ |
กิจกรรมและสื่อสารให้โดนใจสาว ๆ
กิจกรรมส่งเสริมการตลาดก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ที่นักการตลาดใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงจิตใจของผู้บริโภค ในขณะที่การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแบรนด์ เช่น การรณรงค์ให้ความรู้ แสดงความห่วงใย และใส่ใจผู้บริโภค ก็เป็นอีกวิธี ที่จะซื้อใจผู้บริโภคได้เช่นกัน สำหรับสินค้าประเภทเสื้อชั้นในแล้ว การรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมก็น่าจะเป็นอีกกลยุทธ์ที่ดีในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแบรนด์
แต่ผลการวิจัยในครั้งนี้พบว่า 91% ของกลุ่มตัวอย่างกลับเห็นว่าบริษัทผู้ผลิตเสื้อชั้นใน ควรมีการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมให้มากกว่านี้ ซึ่งนี่น่าจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการจะทำการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแบรนด์ผ่านกิจกรรมดังกล่าวให้ทั่วถึงมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (ถึงแม้ว่าหลายๆ แบรนด์จะได้ทำอยู่แล้วก็ตาม)
% ของกลุ่มตัวอย่างที่เห็นด้วยกับแต่ละข้อความ | |
ความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับชุดชั้นใน | |
ฉันคิดว่าผู้ผลิตเสื้อชั้นใน ควรมีการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม ให้มากกว่านี้ | 91% |
เสื้อชั้นในที่ผลิตด้วยผ้า/ฟองนํ้า ที่สามารถระบายอากาศได้ดี และไม่ทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นเป็นเสื้อชั้นในที่น่าสนใจอย่างมาก | 86% |
การซื้อเสื้อชั้นในให้เข้าชุดกับกางเกงใน ถือเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง | 77% |
พนักงานที่สามารถให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ ทำให้ฉันอยากซื้อชุดชั้นในยี่ห้อนั้นมากยิ่งขึ้น | 76% |
ผู้ผลิตเสื้อชั้นในควรมีอุปกรณ์ประดับ/ตกแต่งเพิ่มเติม (accessories) ขายให้เข้าชุดกับเสื้อชั้นใน เช่น สายบ่าแฟชั่น (ติดเพชร/สายโซ่/มุก ฯลฯ) | 65% |
เสื้อชั้นในที่มีฟองนํ้าดันทรงหนาๆ ใส่แล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ | 64% |
เว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตชุดชั้นในยี่ห้อต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดูค่อนข้างยุ่งยากในการใช้งาน และไม่ค่อยน่าสนใจ | 51% |
n = 200 |
Concept Test ข้อมูลส่วนตั๊ว ส่วนตัว
สร้างสัมพันธ์ สร้างความภักดี …
จากสภาพการแข่งขันทางการตลาดที่มีค่อนข้างสูงในปัจจุบัน คู่แข่งขันทางการตลาดก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปอยู่เรื่อยๆ จึงเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ/นักการตลาด ที่ต้องสรรหาวิธี/กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อที่จะทำให้แบรนด์ของตนเข้าไปเป็นแบรนด์ในใจของผู้บริโภคให้ได้ โดยเฉพาะในด้านบริการ (นอกจากตัวสินค้า)
ดังนั้นนอกเหนือจากคำถามเกี่ยวกับความคิดเห็นโดยทั่วๆ ไปของสินค้าประเภทชุดชั้นในแล้ว ทางทีมวิจัยจึงได้ทดสอบแนวคิดสินค้า/บริการใหม่ๆ ในลักษณะ Concept Test เกี่ยวกับการบันทึกประวัติการซื้อชุดชั้นใน โดยแนวความคิดที่ใช้ทดสอบดังกล่าวคือ
บริษัทผู้ผลิตชุดชั้นในจะทำการบันทึกข้อมูลหรือประวัติการซื้อชุดชั้นในของคุณไว้ เช่น ขนาดคัพ/ดีไซน์/รุ่น/สี ฯลฯ ของชุดชั้นในที่คุณซื้อ เพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลในการซื้อชุดชั้นในครั้งต่อไปของคุณ และนำไปพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างถึงแนวความคิดดังกล่าวพบว่า กลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่ง (63%) สนใจแนวความคิดดังกล่าว โดยเหตุผลหลักๆ ที่สนใจต่อแนวคิดดังกล่าวคือ สามารถที่จะนำ (ข้อมูลของลูกค้า) ไปพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค (41%) และเป็นข้อมูลในการซื้อครั้งต่อไปได้ (25%) นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างยังรู้สึกว่า ไม่ต้องลอง (สินค้า) เวลาซื้อ/พนักงานสามารถเลือกไซส์ที่เหมาะสมกับลูกค้าได้ (24%)
แต่สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่รู้สึกเฉยๆ หรือไม่สนใจต่อแนวคิดดังกล่าวมีเหตุผลที่น่าสนใจที่ผู้ประกอบการอาจจะต้องระมัดระวังในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 49% ของกลุ่มตัวอย่างกลุ่มนี้บอกว่า ไม่อยากเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว 15% รู้สึกยุ่งยาก ไม่สะดวก/เสียเวลา และเหตุผลอื่นๆ ดังแสดงในภาพ (ดูรูปที่ 2 ประกอบ)
ของแถมต่างมิติ…
นอกจากนั้นเรายังให้กลุ่มตัวอย่าง (ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อ First Bra ของเด็กๆ ไม่มากก็น้อย) ลองเดาใจสาวๆ ที่มีอายุประมาณ 12-14 ปี ว่าถ้าจะต้องซื้อเสื้อชั้นใน(First Bra) แล้ว เด็กสาวเหล่านั้นอยากจะได้อะไรเป็นของแถม
ลองมาดูผลจากงานวิจัยในครั้งนี้ ว่าจะตรงใจคุณหรือไม่ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่า เด็กสาวที่มีอายุประมาณ 12-14 ปี คงจะชอบ กระเป๋าใส่ของกระจุกกระจิก 45% ส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป 42% และอีก 39% คิดว่าเป็นบัตรดูหนัง/ดูคอนเสิร์ต ตามลำดับ
ของแถมที่กลุ่มตัวอย่างคิดว่าเด็กสาว (อายุประมาณ 12-14 ปี) ต้องการ เมื่อซื้อชุดชั้นใน First Bra | |
กระเป๋าใส่ของกระจุกกระจิก | 45% |
ส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป | 42% |
บัตรดูหนัง/ดูคอนเสิร์ต | 39% |
กางเกงชั้นใน | 36% |
กระเป๋าใส่เสื้อชั้นในโดยเฉพาะ | 31% |
ผลิตภัณฑ์สำหรับซักชุดชั้นใน | 28% |
แฮนดี้ไดรฟ์/แฟลซไดรฟ์/ทัมบ์ไดรฟ์ | 23% |
แปรงขนนุ่ม (สำหรับทำความสะอาดเสื้อชั้นใน) | 16% |
อื่นๆ (เช่น ส่วนลดติว/โรงเรียนกวดวิชา, บัตรรถไฟฟ้า(BTS/MRT) ฯลฯ | 37% |
n = 200 ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ |
ผลการวิจัยในครั้งนี้ พอทำให้เรามองเห็นมุมมองและทัศนคติที่มีต่อสินค้าประเภทชุดชั้นในได้พอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม สินค้าประเภทชุดชั้นในนี้ก็มีข้อจำกัด ที่ถือเป็นสินค้าประเภทที่เป็นของใช้ส่วนตัว และค่อนข้างละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีแง่มุมอีกหลายแง่มุมที่ต้องการการศึกษาในเบื้องลึกต่อไป