อ่าน 6 ข้อ ทำความเข้าใจ DR DIAMOND โอกาสลงทุน ‘Super Stock’ ตลาดหุ้นเวียดนาม

การลงทุนต่างประเทศในปัจจุบัน ‘ง่ายเเละสะดวก’ กว่าสมัยก่อนมาก ด้วยต้นทุนค่าธรรมเนียมที่ถูกลง หาข้อมูลได้ง่ายขึ้น ช่องทางการลงทุนที่หลากหลายเเละข้อจำกัดที่ลดลง เปิดโอกาสการเเสวงหาผลตอบเเทนในตลาดที่น่าสนใจทั่วโลก

หนึ่งในนั้นคือ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ ที่กำลังเป็นดาวรุ่งเเห่งเอเชีย หลังในปีที่ผ่านมาพุ่งทะยานสุดขีด ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เเละมีเเนวโน้มการเติบโตในระยะยาว

วันนี้ Positioning พูดคุยกับ “บรรณรงค์ พิชญากร” กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ถึงโอกาสการลงทุนในหุ้น ‘Super Stock’ ของเวียดนาม ผ่านตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR พร้อมการเปิดตัว DR “DIAMOND”

DR เเตกต่างจากหุ้นอย่างไร

โดยทั่วไปเเล้ว หุ้นสามัญ (Common Stock) จะเป็นตราสารที่ออกโดยบริษัทมหาชนจำกัด (บมจ.) ที่ต้องการระดมทุนจากประชาชน ผ่านการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทย

ส่วน Depositary Receipt หรือ DR จะเป็นตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่เปิดทางเลือกให้กับนักลงทุนไทยให้สามารถซื้อขายหุ้นหรือ ETF ในต่างประเทศได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ผ่านการซื้อขาย DR ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ

โดยสำนักงานก... อนุญาตให้ผู้ออก DR ไปซื้อหุ้น หรือ ETF ในต่างประเทศ เเล้วนำมาเสนอขายกับนักลงทุนชาวไทยเป็นเงินบาท เเละใช้บัญชีหุ้นที่มีอยู่เเล้ว ซึ่งผู้ถือ DR จะมีสิทธิต่างๆ เหมือนไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศเอง

ที่ผ่านมา นักลงทุนเมื่อต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ วิธีเเรกมักจะลงทุนผ่านกองทุนรวมที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุน วิธีที่สองคือ ติดต่อผ่านโบรกเกอร์ที่ใช้บริการเพื่อซื้อขายหุ้นโดยตรง เเละวิธีที่สามคือลงทุนผ่าน DR ที่บริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลายเป็นผู้ออกซื้อขายได้ในเวลาประเทศไทย

สมมติว่าเราจะซื้อหุ้นเมืองนอกสักตัว ถ้าซื้อผ่านกองทุนรวมโอนเงินตอน 11.00 . เเต่จะไม่รู้ว่าจะได้ซื้อในราคาของช่วงไหน เพราะอาจจะไปถูกตัดสินว่าเป็นราคาเย็นนี้ พรุ่งนี้ หรืออีกสองวันข้างหน้า ดังนั้นเวลาที่โอนเงินซื้อกับราคาที่ได้จึงไม่เรียลไทม์

ส่วนวิธีการติดต่อผ่านโบรกเกอร์เพื่อซื้อหุ้นต่างประเทศโดยตรงนั้น มีความรวดเร็ว เเต่จะต้องมีการเเยกพอร์ต เเละเปิดบัญชีใหม่ เเละต้องโอนเงินไปล่วงหน้า

ขณะที่วิธีลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน DR จะสามารถติดตามราคาเเละซื้อขายได้แบบ Real-Time ตามราคาเเละเวลาของตลาดนั้นๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Streaming เพียงมีบัญชีลงทุนหุ้นที่สามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยกับบริษัทหลักทรัพย์ใดก็ได้

บางหลักทรัพย์ DR สามารถลงทุนได้ต่อเนื่อง ลงทุนได้ตั้งแต่เวลาตลาดหุ้นไทยเปิดทำการ 10.00 .ไปจนถึงตลาดหุ้นไทยปิดทำการ 16.30 . ส่วนข้อด้อยของ DR นั้น ในปัจจุบันมีตัวเลือกน้อย เพราะในไทยยังมี DR ออกมาไม่มากนัก เมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด 

Photo : Sutterstock

เปิดโอกาสลงทุน ‘Super Stock’ เวียดนาม

ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2561 หลักทรัพย์บัวหลวงเป็นผู้ออกเจ้าแรกของไทย โดยใช้สัญลักษณ์  “E1VFVN3001” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นกองทุนรวม ETF อ้างอิงดัชนี ‘VN30’ หุ้น30 บริษัทชั้นนำ คิดเป็นกว่า 68% ของตลาดหุ้นเวียดนาม

นับเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้ไปลงทุนในตลาดเวียดนาม ที่มีการเติบโตดี ราคาหุ้นยังไม่เเพงมากนัก เเละได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ตลอดช่วงที่ผ่านมา ได้มีการศึกษาผลิตภัณฑ์ ไปพร้อมๆ กับการสร้างการรับรู้ให้ผู้คนเข้าใจเเละเข้าถึง DR มากขึ้นเรื่อยๆ

โดยยอดซื้อ IPO ใน DR ตัวเเรกของหลักทรัพย์บัวหลวง ระดมทุนได้เกือบ 700 ล้านบาท เเละ 3 ปีต่อมาขนาดของ DR ดังกล่าวขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 6,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า เเละยังคงมีนักลงทุนไทยซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างต่อเนื่อง

หลังจากมีเสียงตอบรับเป็นที่น่าพอใจนักลงทุนไทยเข้าใจการลงทุนต่างประเทศผ่านวิธีนี้มากขึ้น เเละชื่นชอบในความสะดวกเเละรวดเร็ว

หลักทรัพย์บัวหลวง จึงต่อยอดด้วยการเปิดตัว DR “DIAMOND” โดยใช้สัญลักษณ์ว่า “FUEVFVND01” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น DCVFMVN DIAMOND ETF (FUEVFVND) ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี VN DIAMOND ที่มีคุณสมบัติหลักประกอบไปด้วยหุ้นที่มีผู้ลงทุนต่างชาติถือหุ้นอย่างน้อย 95% ของสัดส่วนที่ลงทุนได้ (Foreign Ownership Limit หรือ FOL) ออกโดย Dragon Capital VietFund Management (DCVFM) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำ ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) รวมสูงที่สุดในเวียดนาม เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปในหุ้น ‘Super Stock’ ของเวียดนาม

ทั้งนี้ หลักทรัพย์บัวหลวง วางเเผนจะมีการเปิดตัว DR ใหม่จำนวนทั้งหมด 5 ตัวในปี 2565 โดยที่เหลืออีก 4 ตัวจะมี DR ที่อ้างอิงกับ China STAR50 , CSI 300 , Nasdaq-100 เเละ Hang Seng Index 

ตลาดหุ้นเวียดนาม น่าสนใจเเค่ไหน ? 

ความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดเวียดนาม หลักๆ มาจากปัจจัยพื้นฐาน มีหลายอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตมีความมั่นคงทางการเมือง เเละทุ่มงบประมาณเพื่อมุ่งดึงดูดการลงทุน วางเป้าหมายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยวิกฤตโควิด-19 ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามมากนัก เนื่องจากมีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง และอัตราการฉีดวัคซีนที่อยู่ในระดับสูง

การเติบโตของเวียดนามได้รับการสนับสนุนจากภาคการส่งออกที่ขยายตัว การลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มข้ึน เป็นฐานการผลิต และการบริโภคภายในประเทศที่สูง จากการมีประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากกว่า 30%

อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเเละมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะมาเป็นปัจจัยหนุนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้

ขณะที่คาดว่าภาคส่งออกจะขยายตัว 30% หลังมีการทำสนธิสัญญาทางการค้ากับหลายประเทศ เเละสามารถคุมอัตราเงินเฟ้อได้ในระดับ 3.5-4% พร้อมการเตรียมตัวเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

คาดว่า GDP เวียดนามปี 2565 จะโตสูงสุด 9.6% หรือในกรณี worst case จะอยู่ที่ 7.3% YoY สูงกว่าอัตราเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ซึ่งอัตราการเติบโตในระดับ 7% กว่าๆ นั้นเป็นตลาดทุนที่หาได้ไม่ง่ายนักในช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้

ส่วนความเสี่ยงของการลงทุนในตลาดเวียดนาม คือต้องดูอัตราเเลกเปลี่ยนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ความเสี่ยงของค่าเงินดอง เเต่ก็มีการอิงกับค่าเงินดออลาร์ค่อนข้างเยอะ เเละเรื่องของการเติบโตต่างๆ ว่ามีความเสี่ยงเเฝงอยู่หรือไม่

นอกจากนี้ ด้วยความที่เวียดนามเป็นตลาด ‘Frontier Market’ จึงมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยอุตสาหกรรมเด่นๆ ของเวียดนาม ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่ม การเงินเเละอสังหาริมทรัพย์

จุดเด่น DR “DIAMOND”

สำหรับจุดเด่นของ DR “DIAMOND” ลงทุนเวียดนามตัวที่สองจากหลักทรัพย์บัวหลวง คือ

ลงทุนง่ายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และซื้อขายได้เสมือนหุ้นไทยแบบ “Real-Time” ไม่มีพักกลางวัน โดยใช้เงินเริ่มต้นลงทุนไม่มาก 1 หน่วย DR ก็ลงทุนได้ (ราคา ณ วันที่ 9 มี..อยู่ที่ 41 บาทต่อ 1 DR) ออกโดยหลักทรัพย์บัวหลวง ที่ได้รับอันดับเครดิต AA จาก TRIS Rating

สามารถลงทุนในหุ้นเวียดนามได้ โดยไม่ติดข้อจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทเวียดนามหลายแห่งจะมีข้อกำหนดสัดส่วนการถือครองหุ้นโดยผู้ลงทุนต่างประเทศ (FOL)

โดยนักลงทุนไม่ต้องเสียค่า premium ให้กับหุ้นที่ Foreign room ใกล้เต็มหรือเต็มไปแล้วในเวียดนาม จึงทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติ รวมไปถึงนักลงทุนไทย สามารถลงทุนในหุ้นเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าพรีเมียม ที่ปกติจะมีราคาสูงกว่าในกระดานราว 7-30%

อีกหนึ่งจุดสำคัญคือ ได้ลงทุนหุ้นเวียดนามชั้นนำ “17 ตัวตามดัชนี VN DIAMOND โดย DR “DIAMOND” ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน, หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย, หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, หุ้นกลุ่มอุตสาหการ และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์สัดส่วนประมาณ 40% 29% 15% 12% และ 4% ตามลำดับ

ผู้ออก DR “DIAMOND ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการจัดการ (Management Fee) โดยมีค่าธรรมเนียมการจัดการเพียงต่อเดียวที่ 0.8% เก็บโดย ETF ต้นทาง

เรามองว่าการลงทุน DR เป็นทางเลือกให้นักลงทุนไทย ที่จะสามารถกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปสู่ตราสารอื่นๆ ที่น่าลงทุน เบื้องต้นไม่ได้ตั้งเป้าหมาย IPO ว่าจะต้องได้เท่าไหร่ เเต่สิ่งที่อยากเห็นมากกว่าคือคนไทยมีความเข้าใจใน DR มากขึ้น การเติบโตเเบบค่อยเป็นค่อยไปจึงเป็นสิ่งที่ดี

จองซื้อ IPO DR “DIAMOND” ต้องทำอย่างไร ?

DR “DIAMOND” จะเปิดให้ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงจองซื้อไอพีโอ (IPO) ผ่าน 2 ช่องทางคือ www.bualuang.co.th เเละผ่านผู้แนะนำการลงทุน โทรศัพท์บันทึกเทป ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม เวลา 9.00 . ถึงวันที่ 24 มีนาคม 2565 เวลา 16.00 .

จำนวนเงินจองซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 20,000 บาท และเพิ่มเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท

โดยผู้จองซื้อชำระเงินค่าจองซื้อตามจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน ซึ่งจะได้รับการจัดสรรจำนวนหน่วย DR ตามราคาเฉลี่ยของราคาหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ผู้ออกตราสาร ซื้อได้ รวมค่าธรรมเนียมในการซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศ ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน

บริษัทฯ จะประกาศราคา IPO (Final Price) ผ่านเว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวงให้ทราบหลังจากนั้น (ราคาโดยประมาณของ DR FUEVFVND01 ณ วันที่ 9 มีนาคม 2565 คำนวณจากหลักทรัพย์ต่างประเทศ FUEVFVND คิดเป็นเงินบาทจะอยู่ที่ 40.94 บาทต่อหน่วย)

ส่วนผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อ จะต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับหลักทรัพย์บัวหลวงก่อน ผ่านเว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง

Photo : Shutterstock

‘กระจายความเสี่ยง’ รับตลาดโลกผันผวน 

ด้านทิศทางเศรษฐกิจโลก มองว่า ตลาดจะต้องเจอกับความผันผวนอย่างเเน่นอน โดยเฉพาะความผันผวนระดับ geopolitical ที่คาดเดาได้ยาก ในด้านการลงทุนนั้นจะต้องจับตาดูประเด็นเหล่านี้ให้ดี เพราะเป็นได้ทั้งความท้าทาย อุปสรรคเเละโอกาสได้ในเวลาเดียวกัน

ต้องบริหารจัดการพอร์ตให้ดี มีเก็บเงินสดไว้บางส่วน เพื่อป้องกันความเสียหายหรือการขาดทุนหากตลาดร่วง เเละสามารถกลับเข้าไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้ เมื่อสภาวะตลาดดีขึ้น

นักลงทุนควรจะมีการกระจายการลงทุนหุ้นไปในตลาดทุนทั่วโลก ไม่ควรไปทุ่มลงที่ใดที่หนึ่งโดยเฉพาะ เช่น หุ้นไทยที่ 10% หุ้นเวียดนาม 15% หุ้นสหรัฐฯ 20% หุ้นจีน 10% เป็นต้น

สำหรับพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนไทยเปลี่ยนไปอย่างไรในช่วงโควิด-19 นั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ มีจำนวนผู้ลงทุนเข้ามาในตลาดมากขึ้น คนรุ่นใหม่สนใจในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งเป็นเทรนด์ทั่วโลก

โดยคนรุ่นใหม่ที่เปิดบัญชีกับหลักทรัพย์บัวหลวง มากกว่า 50% เป็น GEN Y ผู้คนทั่วไปมีความรู้เเละเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น ก็เริ่มคิดหาทางเเสวงหารายได้มากกว่าการใช้เเรงทำงานเพียงอย่างเดียว

จงลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ เน้นเรื่องการเเสวงหาความรู้ตามเเหล่งข้อมูลต่างๆ สอบถามกับผู้เชี่ยวชาญเเละมีที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือ พอมีความรู้เเล้วก็จะตัดสินใจการลงทุนได้ว่าเเบบไหนเหมาะกับเรา เเบบไหนลงทุนเเล้วมีความสุขเเละจะอยู่กับมันได้อย่างสบายใจ อยากให้มองว่าการลงทุนเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิต