“ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” พ่อมดอสังหาฯ กับบิ๊กโปรเจกต์ SCOPE มูลค่า 15,000 ล้าน

ถ้าใครที่คลุกคลี หรือได้ติดตามข่าวสารในวงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ตลอด ย่อมคุ้นเคยกับชื่อเสียงเรียงนาม “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” อย่างแน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักปั้นมือทองโครงการอสังหาฯ ใหญ่ๆ ในไทย และเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทใหญ่ๆ มากมาย ตอนนี้ยงยุทธได้ปั้น SCOPE บิ๊กโปรเจกต์แห่งใหม่ มูลค่า 15,000 ล้านบาท จับกลุ่มอัลตร้า ลักชัวรี่

เปิดอาณาจักร SCOPE มูลค่า 15,000 ล้าน

หลังจากโลดแล่นในวงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 30 ปี “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” ได้เปิดตัวลูกรักคนใหม่ กับโครงการ SCOPE หรือ บริษัท สโคป จำกัด วางจุดยืนเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่ฉีกกรอบจากแบบเดิมๆ สู่ความพรีเมียม แบบอัลตร้า ลักชัวรี่ขั้นสุด

บริษัท สโคป จำกัด เปิดตัวเมื่อปี 2562 เป็นบริษัทลูกแบบกลายๆ ของ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ที่เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 90% ยงยุทธขึ้นแท่นเป็น CEO ของบริษัท

สโคปเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ฉีกแบบแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบเดิม เน้นเรื่องการออกแบบ และก่อสร้างที่อยู่อาศัยคุณภาพพรีเมียม โดยมีเป้าหมายต้องการปั้นบริษัทสโคป เป็น Lifestyle Company พัฒนาโครงการจับกลุ่มลูกค้าที่เป็น “อินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม”

ปัจจุบันสโคป มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท โดยมีการเปิดขายแล้ว 2 โครงการ คือ SCOPE Langsuan มูลค่า 9,000 ล้านบาท จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2565 และ SCOPE Promsri มูลค่า 1,350 ล้านบาท แล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2565 เช่นเดียวกัน และตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้จากการโอนทั้งหมดกว่า 5,000 ล้านบาท

หลังจากนี้ มีแผนเปิดตัวอีก 2 โครงการ คือโครงการบนถนนสุขุมวิทติดกับรถสถานีไฟฟ้าทองหล่อ มูลค่า 2,500 ล้านบาท ในปี 2565 จะเป็นโครงการที่มีมูลค่าเฉลี่ยต่อยูนิตกว่า 140 ล้านบาท และมีเพียง 20 ยูนิตเท่านั้น โดยออกแบบภายในรวมถึงให้คําปรึกษาการออกแบบทั้งหมด โดยโทมัส ยูล-ฮันเซน ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบอาคารระดับโลกมาแล้วทั่วโลก โดยตั้งเป้ายอดพรีเซลของปี 2565 จากทั้ง 3 โครงการกว่า 4,500 ล้านบาท  ส่วนอีกโครงการจะเปิดตัวในปี 2566 ในทำเลสุขุมวิท 23 มูลค่า 2,200 ล้านบาท

ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด เล่าว่า

“ไฮไลต์ของบริษัทในปี 2565 ที่จะสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ การเปิดตัว The Langsuan Clubhouse ที่โครงการ SCOPE Langsuan จะเป็น Private Residential Clubhouse ที่มีขนาดกว่า 2,500 ตารางเมตร ที่ออกแบบโดย “โทมัส ยูล-ฮันเซน” เฉพาะเฟอร์นิเจอร์มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นโรงภาพยนตร์ขนาด 25 ที่นั่งที่มาพร้อมระบบเสียงระดับสุดยอดที่สุด และ The Langsuan Lounge ที่ตั้งใจจะให้เป็น Rooftop Terrace เหนือกว่า โรงแรม 6 ดาว ฯลฯ”

อีกไฮไลต์สำคัญคือ โครงการ SCOPE Promsri คอนโดมิเนียม 8 ชั้น ที่วางเป้าหมายให้เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดในประเทศไทยทั้งด้านคุณภาพ และการออกแบบ โดยถือเป็นโครงการแรกในเอเชียที่ collaborate กับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลก Ligne Roset ซึ่งออกแบบและผลิตพิเศษในประเทศฝรั่งเศสเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ

โครงการ SCOPE Langsuan ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวท็อปของบริษัท ตั้งอยู่บนที่ที่แพงที่สุดในไทย ตารางวาละ 3 ล้านบาท ยงยุทธบอกว่า แค่ค่าที่ดินก็ 3,000 ล้านบาทแล้ว ตอนนั้นประมูลที่ดินได้มา แต่ขณะนั้นยังไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ใช้เวลาคิดเกือบ 2 ปีว่าจะทำอะไรดี ที่ดินผืนนี้เป็นทำเลทองผืนสุดท้ายในย่านเพลินจิต หรือย่านในเมืองเลยทีเดียว ตั้งอยู่ปากซอยหลังสวน

อยู่กับอสังหาฯ มา 30 ปี

ยงยุทธเป็นหนึ่งในพ่อมดอสังหาฯ เป็นนักปั้นมือทอง ที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปีในวงการนี้ เป็นผู้บริหารโครงการพัฒนาอสังหาฯ หลากหลายรูปแบบกว่า 90 โครงการ รวมทั้งเคยเป็นหุ้นส่วน และที่ปรึกษาบริษัทพัฒนาอสังหาฯ เบอร์ต้นๆ ของไทย เช่น แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเว็ลอปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น, เอสซี แอสเสท, อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และพฤกษา

ยงยุทธบอกว่า “30 ปีที่ผ่านมา ชีวิตก็ไม่ได้ถูกทุกข้อ มีช่วงที่ไม่สำเร็จก็มี แต่ธุรกิจอสังหาฯ เป็นธุรกิจที่ปลอดภัย ถ้าทำตามสูตร มีสินทรัพย์ เงินทุน ธนาคารซัพพอร์ต ถ้าไม่ได้ใช้เงินผิดวิธี ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ”

ที่มาบริหารบริษัท สโคป แม้จะเป็นบริษัทใหม่ แต่มีทีมงานเก่า โดยใช้แนวคิดใหม่ๆ มองว่าอยากให้สโคปเป็นเหมือนศิลปินในวงการอสังหาฯ เลยต้องทำของดีมีคุณค่า มีการดูแลรักษาที่ดี มีโลเคชั่นดี ดีไซน์ยอดเยี่ยม การดูแลรักษาที่ดี

“อสังหาฯ มีโครงการสวยๆ เยอะ แต่ผ่านไปแล้วมันไม่สวย เพราะขาดการดูแล หลายคนมองข้ามจุดนี้ การบริหารอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีไลฟ์สไตล์ด้วย และต้องตามลูกค้าให้ทัน ตอนนี้ต้องคิดสูตรในการลงทุนใหม่ ลดค่าใช้จ่ายบางตัว เช่น ค่าออกแบบ มีที่ปรึกษาออกแบบ ลดโลเคชั่นของออฟฟิศ แต่ก่อนอยากได้ออฟฟิศในจุดไพรม์โลเคชั่น แต่พบว่าหลายคนบอกว่าไม่อยากทำงานเพื่อจ่ายค่าออฟฟิศ ก็เลยลดพื้นที่ ลดอุปกรณ์ ลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ”

ลูกค้าต้อง “อินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม” ลูกค้าเด็กลง

การปั้นโปรเจกต์ SCOPE ครั้งนี้ เรียกว่าเป็นการฉีกหนีจากตลาดแมสแบบเดิมๆ โดยจับตลาดซูเปอร์พรีเมียม หรือในตอนนี้จะเรียกกันว่าอัลตร้า ลักชัวรี่ไปเลย จับกลุ่มเศรษฐีไทย หรือทายาทเศรษฐี ยิ่งในยุคนี้ที่ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้อย่างคล่องตัว ก็มีการลงทุนอสังหาฯ มากขึ้นด้วย

ในช่วงแรกที่จะมีการเปิดตัวโครงการในปี 2562 ทางสโคปได้ทำการสำรวจภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนในกทม. คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 78,500 ล้านบาท จำนวน 5,871 ยูนิต เป็นกลุ่มคอนโดฯ หรูระดับราคา 2 แสนบาท/ตร.ม. ขึ้นไป และในตอนนั้นมีการคาดการณ์ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ราคาคอนโดมิเนียมระดับบนมีการปรับตัวเพิ่มสูงถึง 800,000 บาท/ตร.ม. เลยทีเดียว

ขณะที่ความต้องการของคอนโดมิเนียมระดับอินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม มีประมาณ 6,500 ยูนิต/ปี มีมูลค่ารวม 90,000 ล้านบาท บริษัทคาดว่าลูกค้าของสโคปจะเป็นคนไทยรุ่นใหม่ผู้มีฐานะ และรสนิยมที่เป็นอินเตอร์

ยงยุทธเสริมว่า “สโคปมีวิสัยทัศน์ว่า อยากทำของให้สวย บริหารให้ดี เป็นอินเตอร์พรีเมียม มีความคิดว่าทำไมคอนโดต้องจับแค่กลุ่ม A B C แต่ยังมีอีกกลุ่ม ก็คือ อินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม กลุ่มนี้จะมีอายุน้อยลง แต่มีรสนิยมดี”

จากการที่เปิดตัวโครงการ พบว่ากลุ่มลูกค้าในรอบปีที่ผ่านมามีอายุเฉลี่ยที่เด็กลง กลุ่มที่อายุต่ำกว่า 30 ปี สัดส่วน 23% กลุ่มอายุ 31-35 ปี สัดส่วน 32% จากผลสำรวจพบว่าคนซื้อมีอายุน้อยถึง 55% ส่วนใหญ่เป็นการซื้อครั้งแรก โครงการสามารถขายลูกค้าใหม่ได้ ตลาดยังมีการตอบรับที่ดีอยู่ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีโครงการที่ถูกใจ เพราะเหมือนๆ กันหมด

“ยุคนี้ลูกค้าที่ซื้อของหรูอายุน้อยลง รถยนต์โรลส์-รอยซ์ มีอายุคนซื้อเฉลี่ย 43 ปี แบรนด์ก็อยากขายคนอายุน้อยมากขึ้น เพราะคุยกันง่าย ออนไลน์ก็ได้ แต่ก่อนกว่าจะไปพบผู้ซื้อแต่ละครั้งแทบตาย กว่าจะนัดเลขาได้ กว่าจะได้เจอ ผู้ซื้อเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาก ตอนนี้เปลี่ยนไป คนอายุน้อยพูดกันง่ายกว่า มีความรู้เยอะ บางคนคุยกันทาง Zoom ยังได้เลย”

อุดความน่าเบื่อของคอนโดฯ

ด้วยความต้องการของยงยุทธที่ต้องการให้ SCOPE ไม่ใช่แค่คอนโด แต่เป็นเหมือนแกลลอรี่งานอาร์ตชิ้นหนึ่ง สิ่งที่ตามมาคืออาร์ตเวิร์ก และรายละเอียดต่างๆ มีการใช้ศิลปิน และดีไซเนอร์ระดับโลกมาช่วยในการสร้างสรรค์งานนี้ เพราะยงยุทธบอกว่าไม่อยากให้โครงการน่าเบื่อเหมือนโครงการอื่นๆ

“ความน่าเบื่อของโครงการอื่นๆ คือ แบบเหมือนๆ กันหมด พื้นที่ขนาด 25-30 ตารางเมตร เดินเข้าไปเจอแพตเทิร์นเดียวกัน เหมือนใช้สูตรสำเร็จที่โครงการอื่นๆ ทำกัน และตลาดรับได้ในราคาเท่านี้”

SCOPE Langsuan มีราคาเริ่มต้นที่ 40 ล้าน เปิดขายมา 2 ปีแล้ว มียอดขายได้ 40% ยงยุทธบอกว่าเป็นธรรมดาของคอนโดระดับนี้ ถ้าสร้างไม่เสร็จ ไม่ค่อยมีใครอยากซื้อ รอให้สร้างเสร็จก่อน ยิ่งในช่วงของ COVID-19 ทำให้ขายยากขึ้น เพราะเปิดสำนักงานขายไม่ได้ ต้องเปิดรับเฉพาะลูกค้าที่นัดล่วงหน้าจริงๆ

แต่ในคอนโดระดับราคาเท่านี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้หลายคนตัดสินใจซื้อ ยงยุทธบอกวิธีคิดว่า “ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้เขาอยากซื้อให้ได้ แต่ก่อนคนซื้อเพราะเก็งกำไร แต่ตอนนี้มีซื้อเพราะอยู่เอง ต้องทำแบบที่ไม่มีใครทำ ทำห้องใหญ่ๆ และใส่ใจในรายละเอียดมากๆ”

ยงยุทธใส่ใจในเรื่องการดีไซน์เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานอย่างมีประโยชน์มากๆ ยกตัวอย่าง

  • ครัวสไตล์อเมริกัน เกาะกลางต้องมีขนาดเคาน์เตอร์ 90 ซม. เพราะที่เกาะกลางมีเครื่องล้างจาน ต้องเว้นช่องให้เปิดเครื่องล้างจานได้ บางที่ทำแค่ 30-45 ซม.
  • ช่องเก็บกระเป๋าเดินทาง ต้องเก็บได้ 6 ใบ เมื่อ 5 ปีก่อนไม่มีใครสนที่เก็บกระเป๋า แต่ก่อนแต่ละบ้านมีแค่ 2 ใบ ตอนนี้แต่ละคนต้องมีกระเป๋าเดินทางเป็นของตัวเองอย่างน้อย 2 ใบเป็นอย่างต่ำ ความลึกต้อง 60 ซม. เว้นช่อง 60 ซม.
  • ช่องรองเท้า ใส่ได้ 100 กว่าคู่
  • ภายนอกโครงการมีที่ชาร์จรถอีวีอย่างต่ำ 6 ตัว

จากประสบการณ์ของนักปั้นมือทอง กับแนวคิดที่ฉีกกรอบของอสังหาฯ แบบเดิมๆ ยิ่งสร้างความว้าวให้กับ SCOPE มากยิ่งขึ้น หลายคนมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี ยิ่งขายของยาก แต่ถ้าขายของให้ถูกกลุ่ม ย่อมมีตลาดรองรับอย่างแน่นอน