กลุ่มพราวพร้อมเปิด “สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต” เบนเข็มดึง “อินเดีย” ทดแทนตลาดจีน

สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต
กลุ่มบริษัท พราว พร้อมเปิดตัว “สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต” วันที่ 21 พ.ค. 65 หลังดีเลย์มากว่า 1 ปีจากโควิด-19 ปีแรกคาดหวังนักท่องเที่ยว 4 แสนคน และหลังการท่องเที่ยวไทยฟื้นเต็มที่ วางเป้าเป็นแหล่งท่องเที่ยว ‘man-made’ หลักของภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวเข้าปีละ 1 ล้านคน ระยะแรกหันดึงชาว “อินเดีย” เป็นตลาดทดแทนจีนที่ยังออกนอกประเทศไม่ได้

หลังประสบความสำเร็จกับ “สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน” กลุ่มบริษัท พราว เริ่มเปิดโปรเจ็กต์ต่อไป “สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต” ต่อเนื่องเมื่อปี 2562 ตามกำหนดการเดิมจะต้องเปิดบริการปี 2564 แต่โครงการต้องดีเลย์ไปกว่า 1 ปี เพราะเผชิญสถานการณ์โควิด-19 จนการก่อสร้างล่าช้า

ในที่สุดบริษัทพร้อมเปิดตัวสวนน้ำ อันดามันดาแล้วในวันที่ 21 พ.ค. 65 ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวที่เริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง

“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว เปิดเผยถึงโครงการนี้ว่า ใช้งบลงทุนรวม 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น เฟส 1 สวนน้ำ 50 ไร่ งบลงทุน 3,000 ล้านบาท เฟส 2 โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท จำนวน 300 ห้อง และส่วนรีเทล รวม 8 ไร่ ลงทุน 1,500 ล้านบาท (เฟส 2 เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดเปิดบริการปี 2567)

สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต

กลุ่มบริษัท พราวเริ่มลงทุนสวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต จากการมองเห็นช่องว่างในตลาดภูเก็ตที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่มนุษย์สร้างขึ้น (man-made attraction) ไม่มากนัก การท่องเที่ยวส่วนใหญ่เน้นไปในด้านธรรมชาติและวัฒนธรรม แต่ด้วยขนาดตลาดของภูเก็ต มีศักยภาพพอที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ประเภท man-made บริษัทจึงเลือกเปิดสวนน้ำที่ใหญ่กว่าในหัวหินเกือบ 3 เท่า

ไฮไลต์เด่นของสวนน้ำอันดามันดาที่กำลังจะเปิดบริการ มีรายละเอียด เช่น

  • รวมเครื่องเล่นและจุดสนใจ 25 จุด
  • สไลเดอร์ยักษ์ 36 เลน
  • ทะเลจำลอง 10,000 ตร.ม.ที่สามารถสร้างคลื่นได้สูงสุด 3 เมตรสำหรับนักเซิร์ฟ
  • หาดเทียม 300 เมตรสำหรับนอนเล่นพักผ่อน
  • จุดเช็กอิน เขาตะปูจำลอง และตลาดน้ำ
สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต
คลื่นเทียมเพื่อนักเซิร์ฟ
สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต
เขาตะปูจำลอง
  • Wave Bar และ Sand Bar ระบบแสงสีเสียง พร้อมจัดอีเวนต์และมิวสิก ปาร์ตี้
  • เทคโนโลยีสายข้อมือ RFID และระบบ Gamification ทำกิจกรรมด้วยเทคโนโลยี AR ได้ในโครงการ
  • เครื่องเล่นทั้งหมดออกแบบและติดตั้งโดย WhiteWater ประเทศแคนาดา ซึ่งมีประสบการณ์อุปกรณ์เครื่องเล่นทางน้ำมากว่า 40 ปี
  • ไลฟ์การ์ดที่ได้รับการฝึกในระดับสากล 200 คน
  • ระบบหมุนเวียนน้ำใช้ในโครงการ และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

พราวพุธกล่าวว่า ฟังก์ชันในโครงการจะเห็นว่าสวนน้ำต้องการดึงดูดลูกค้าทุกกลุ่ม วางเป้าหมายสัดส่วนกลุ่มครอบครัว 40% กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ 40-50% และกลุ่มผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ 10-20%

 

ระยะสั้นเร่งดึง “อินเดีย” เข้าไทย

ด้านเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว ข้อมูลจาก “ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เมื่อปี 2562 ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึง 14 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวไทย 4 ล้านคน และต่างชาติ 10 ล้านคน

ในช่วงที่ไทยเริ่มเปิดระบบ Test & Go ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเฉลี่ย 2,500 คนต่อวัน และเชื่อว่าเดือนพฤษภาคมนี้ซึ่งไทยปลดล็อกการตรวจหาเชื้อเหลือเพียง Antigen Test Kit (ATK) ไม่ต้องตรวจ RT-PCR จะทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าภูเก็ตเฉลี่ย 9,000 คนต่อวัน พร้อมวางเป้าตลอดปี 2565 นี้น่าจะมีชาวต่างชาติเข้าภูเก็ตรวม 4 ล้านคน

จากตัวเลขนี้ พราวพุธมองว่า สวนน้ำ อันดามันดา จะดึงนักท่องเที่ยวได้ราว 10% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตทั้งหมด จึงตั้งเป้าทราฟฟิกชาวต่างชาติปี 2565 ไว้ที่ 4 แสนคน ยังไม่นับรวมนักท่องเที่ยวไทยที่จะเข้ามา

เป้าหมายคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยว และกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก

สำหรับชาวต่างชาติที่จะดึงมาท่องเที่ยวสวนน้ำ มีการปรับตัวตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยน จากช่วงเริ่มโครงการยังเป็นยุคของ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ แต่วันนี้จีนยังไม่เปิดประเทศ ทำให้เป้าหมายหลักทั้งของภูเก็ตและสวนน้ำ อันดามันดา ต้องเบนเข็มไปหาชาวออสเตรเลีย, อินเดีย, ยุโรป, อิสราเอล, UAE

โดยเฉพาะ “อินเดีย” นั้น ภูมิกิตติ์กล่าวว่านิยมเที่ยวไทยมาก ปัจจุบันมีการเดินทางเข้ามาเฉลี่ย 1,000 คนต่อวัน มีไฟลท์บินตรงเข้าภูเก็ตจากหลายเมืองของอินเดีย

 

เป้าระยะยาว 1 ล้านคนต่อปี “สวนน้ำ” คือจุดหมายยอดฮิต

ส่วนเป้าหมายระยะยาว พราวพุธมองว่า ถ้าหากการท่องเที่ยวประเทศไทยและภูเก็ตฟื้นตัวเต็มที่ได้เท่าปี 2562 เชื่อว่าจะมีทราฟฟิกเข้าสวนน้ำปีละ 1 ล้านคน แบ่งสัดส่วน 70% เป็นชาวต่างชาติ และ 30% เป็นคนไทย โดยกลุ่มคนไทยจะเป็นกลุ่มสำคัญ เพราะเห็นบทเรียนจากช่วงโควิด-19 ไม่ควรพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งทั้งหมด

“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว

พราวพุธมองกระแส “สวนน้ำ” ยังคงมีเสน่ห์ทางการท่องเที่ยว เพราะเป็นกิจกรรมที่นิยมของชาวตะวันตกอยู่แล้ว ขณะที่กลุ่มเอเชียก็เริ่มชื่นชอบมากขึ้น เพราะเป็นสถานที่ที่เหมาะกับครอบครัว สอดรับกับกระแสที่สำรวจโดยบัตร American Express พบว่า 79% ของนักท่องเที่ยวหลังผ่านโรคระบาด ต้องการจะท่องเที่ยวกับ “ครอบครัว” ก่อนเป็นอันดับแรก

ผลลัพธ์ของจริงอาจจะไม่ต้องสำรวจที่ไหนไกล พราวพุธระบุว่า สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน วันนี้มีทราฟฟิกกลับมาแล้ว 70-80% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาพักผ่อน เหลือเพียงการจัดงานอีเวนต์ปาร์ตี้ที่ถ้าหากฟื้นกลับมาเต็มสูบ เชื่อว่ากิจกรรมสวนน้ำจะกลับมาบูมเหมือนเก่าได้ไม่ยาก