‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) ได้ออกมาขู่ว่าจะล้มดีลซื้อ ‘ทวิตเตอร์’ (Twitter) โดยกล่าวหาบริษัทละเมิดข้อตกลงการควบรวมกิจการ โดยไม่ได้ให้ข้อมูลที่เขาร้องขอเกี่ยวกับสแปมและบัญชีปลอม แถมยังต่อต้าน ขัดขวาง สิทธิ์ในข้อมูลที่เขาขอไป
ก่อนหน้านี้ มัสก์ ได้เรียกร้องให้ทวิตเตอร์ เปิดเผยข้อมูลจำนวนสแปมและบัญชีปลอมทั้งหมด หลังจากที่ทวิตเตอร์ได้เปิดเผยเพียงแค่ว่าจำนวนสแปมและบัญชีปลอมมีสัดส่วนน้อยกว่า 5% ของฐานผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ของแพลตฟอร์ม แต่มัสก์ยังได้เรียกร้องให้ทำการประเมินโดยอิสระ เนื่องจากคาดว่าบัญชีสแปมน่าจะมีสัดส่วนถึง 20% และการเข้าซื้อกิจการ ไม่สามารถเดินหน้าได้ จนกว่าบริษัทจะจัดเตรียมหลักฐานของเมตริกสแปม
ล่าสุด มัสก์ ได้ให้ทนายยื่น จดหมายขู่ ไปยัง วิจายา แกดเด (Vijaya Gadde) หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของทวิตเตอร์ว่า “ทวิตเตอร์ได้ละเมิดข้อตกลงการควบรวมอย่างชัดเจน” เนื่องจากไม่ให้ข้อมูลที่ร้องขอ และ มัสก์ จะขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ของเขาที่จะ “ไม่บรรลุข้อตกลงในการทำธุรกรรมและสิทธิ์ในการยุติข้อตกลงการควบรวมกิจการ”
ข้อกล่าวหาดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของทวิตเตอร์ลดลง 5% ในการซื้อขายช่วงต้นวันจันทร์ โดยลดลงเหลือ 36.57 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการของมัสก์ที่ 54.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งน่าจะบ่งชี้ว่านักลงทุนสงสัยเกี่ยวกับข้อตกลงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ด้าน พารัก อกราวัล ซีอีโอของทวิตเตอร์ ยืนหยัดเคียงข้างตัวชี้วัดสแปมที่มีมาอย่างยาวนานของบริษัทของเขาและ “ทวิตเตอร์มีและจะยังคงแบ่งปันข้อมูลร่วมกับคุณมักส์ต่อไปเพื่อทำให้การทำธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ตามเงื่อนไขของข้อตกลงการควบรวมกิจการ ในราคาและเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้”
นักวิเคราะห์ของ Wall Street บางคน กล่าวว่า การตอบกลับนี้อาจเป็นกรณีของความลังเลของผู้ซื้อและความพยายามที่จะกดดันให้ทวิตเตอร์ เจรจาต่อรองราคาที่ต่ำกว่าสำหรับข้อตกลง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังมีคำถามตั้งแต่เริ่มต้นเกี่ยวกับวิธีที่มัสก์จะหาแหล่งเงินทุนในการซื้อกิจการ และหุ้นโซเชียลมีเดียก็ได้รับผลกระทบเช่นกันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกระวนกระวายใจของตลาดในวงกว้าง