ธนาคารกสิกรไทย จับมือกับ กลุ่มธุรกิจคาราบาว พัฒนาร้านสะดวกซื้อชุมชน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ให้เป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนทั่วไทย เปิดโอกาสให้คนในชุมชนที่สนใจเปิดร้านมีโอกาสเป็นเจ้าของ รวมถึงให้คนในชุมชนได้ใช้บริการการเงินและสินเชื่อครบวงจรมากยิ่งขึ้น
สำหรับ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” มีแนวคิดสร้างมาตรฐานวงการร้านค้าปลีกชุมชน ด้วยการยกระดับมาตรฐานร้านค้าปลีกให้ทันสมัยด้วยความรู้ และเทคโนโลยีการบริหารจัดการร้าน โดยชูโมเดลร้านค้าชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน และมุ่งแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายมาโดยตลอด กับแนวคิด “กินแบ่ง ไม่กินรวบ” โดยถือเป็นร้านสะดวกซื้อชุมชนที่เติบโตเร็วที่สุด
ในความร่วมมือดังกล่าวนี้ธนาคารกสิกรไทย (KBank) เตรียมร่วมลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท ในด้านต่างๆ ประกอบไปด้วย
- สนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว จำนวน 8,000 ล้านบาท
- ร่วมลงทุนผ่านตราสารการลงทุนที่ให้สิทธิลงทุน (หุ้นกู้แปลงสภาพ) ในหุ้นของบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด จำนวน 5,000 ล้านบาท
- เตรียมลงนามในสัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อให้บริการสินเชื่อเต็มรูปแบบ จำนวน 2,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในด้านของการพัฒนาร้านถูกดี มีมาตรฐาน ที่ธนาคารมีแผนดำเนินการร่วมกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่
- ส่งเสริมศักยภาพของร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ให้เป็นร้านสะดวกซื้อชุมชน ซึ่งร้านค้าชุมชนถือเป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยทางใช้เทคโนโลยีการบริหารจัดการร้านและระบบการชำระเงินต่างๆ
- เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค้าขายต่างๆ โดยธนาคารนำข้อมูลการจับจ่ายในชีวิตประจำวันมาใช้ในการพิจารณาสินเชื่อ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ประจำ หรือเจ้าของร้านค้าที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนภายในร้าน
- เป็นจุดให้บริการธุรกรรมการเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันกับคนในชุมชน เช่น บริการถอนเงิน จ่ายบิล เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มบริการดิจิทัลต่างๆ เช่น สแกนจ่ายด้วยคิวอาร์ โค้ด ซึ่งคนในชุมชน ส่วนใหญ่เริ่มคุ้นเคยแล้ว เป็นผลจากนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐในช่วงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
ความร่วมมือดังกล่าวยังทำให้ KBank สามารถที่จะเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่เคยใช้บริการสินเชื่อหรือบริการของธนาคารฯ ซึ่งความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจคาราบาวครั้งนี้ตามหลังมาจากการประกาศโครงการเดินหน้าเชิงกลยุทธ์มูลค่า 1 แสนล้านบาท และจะทำให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อที่แต่เดิมต้องใช้บริการสินเชื่อนอกระบบ ได้มาใช้บริการของธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าด้วย
พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ชุมชนนอกตัวเมืองในจังหวัดต่างๆ เป็นพื้นที่ที่ลูกค้ามีความต้องการใช้บริการการเงิน บางส่วนไม่มีบัญชีเงินฝาก ไม่มีหลักฐานการเงินที่ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และเป็นพื้นที่ที่สาขาของธนาคารยังเข้าไม่ถึง สามารถจับจ่ายใช้สอยและใช้บริการการเงินได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถเข้าถึงสินเชื่อธนาคารได้ง่ายขึ้น สร้างรายได้หมุนเวียนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน
เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างร้านถูกดี มีมาตรฐาน กับธนาคารกสิกรไทย ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างกำลังซื้อให้กับชุมชน และความแข็งแกร่งในการให้บริการแก่ผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงการเฉพาะสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของร้านซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ของ และเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเปิดร้านรายอื่นๆ ที่จะเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ในอนาคต ตลอดจนซัพพลายเออร์และผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ในตลาดค้าปลีกได้มากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันร้านถูกดี มีมาตรฐานนั้นมีสาขาอยู่ราวๆ 5,000 สาขา และตั้งเป้าที่จะมีสาขาให้ได้ถึง 30,000 สาขาภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ขณะที่สัดส่วนการแบ่งกำไรของร้านนั้นจะอยู่ที่ 85-15 โดย 85% ของกำไรนั้นเจ้าของร้านได้ไป ขณะที่อีก 15% เป็นของทีดี ตะวันแดง