ต้นทุนพลังงานบีบ COTTO ขึ้นราคา “กระเบื้อง-สุขภัณฑ์” ครึ่งปีหลัง’65 อาจปรับอีก 1-2%

กำไรของ COTTO รายใหญ่ “กระเบื้อง-สุขภัณฑ์” ช่วงไตรมาส 2/65 มีสะดุดลดลง 6% YoY หลังจากเจอต้นทุนพลังงานพุ่ง แม้จะปรับราคาขึ้นมาแล้ว 3-4% ในช่วงครึ่งปีแรก ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าอาจจะปรับราคาขึ้นอีก 1-2% เพื่อให้ทันต้นทุน อย่างไรก็ตาม ยอดขายเติบโตดีเพราะดีเวลอปเปอร์เร่งการก่อสร้างหนีต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงยอดขายประเทศเพื่อนบ้านดีขึ้น

ต้นทุนพลังงานมีผลกับทุกอุตสาหกรรมรวมถึงการผลิตวัสดุก่อสร้าง “นำพล มลิชัย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 บริษัทมีรายได้จากการขาย 3,376 ล้านบาท เติบโต 19% YoY ทำกำไรสุทธิ 167 ล้านบาท ซึ่งลดลง 6% YoY

สาเหตุจากต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้น โดยต้นทุนพลังงานในไตรมาส 2/65 ปรับขึ้นถึง 30% เทียบกับไตรมาสแรก ทำให้การปรับราคาขึ้นไม่ทันต่อต้นทุน

อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมครึ่งปีแรก 2565 บริษัทยังสร้างผลการดำเนินงานได้ดี มียอดขายรวม 6,606 ล้านบาท เติบโต 17% YoY ทำกำไรสุทธิ 378 ล้านบาท เติบโต 4% YoY

“นำพล มะลิชัย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน)

เห็นได้ว่ายอดขายที่เติบโตสูงเทียบกับปีก่อน ทำให้บริษัทยังทำกำไรเติบโตได้ แม้จะเผชิญกับอุปสรรคด้านต้นทุนพลังงาน โดยครึ่งปีแรกนี้สัดส่วนยอดขาย 80% มาจากตลาดในประเทศ และ 20% มาจากต่างประเทศ ได้แก่ เมียนมา ลาว กัมพูชา

โดยเฉพาะเมียนมามีตลาดที่สดใสขึ้นมากหลังสถานการณ์การเมืองและ COVID-19 เริ่มมีเสถียรภาพ ทำให้ดีมานด์ที่ชะลอไปในช่วงปีก่อนกลับมาใหม่ในปีนี้ รวมถึงคู่แข่งสำคัญคือกระเบื้องจากจีนเริ่มต้องปรับราคาขึ้นเช่นกันเพราะต้นทุนที่สูงขึ้น กระเบื้องจากไทยจึงสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น

 

ราคาวัสดุเซรามิกส์ขึ้นตามค่าพลังงาน

นำพลกล่าวว่า การขึ้นราคาวัสดุเซรามิกส์ปีนี้ COTTO ปรับขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนเมษายนปรับขึ้นมา 2% และปรับอีกครั้งเดือนมิถุนายนอีก 1-2% คาดว่าครึ่งปีหลังอาจจะยังต้องปรับอีก 1-2% เพื่อให้ทันต่อราคาต้นทุนพลังงาน แต่บริษัทจะระมัดระวังราคาให้สอดคล้องกับคู่แข่งทั้งในประเทศและจากต่างประเทศด้วย

ในอีกแง่หนึ่ง การทยอยปรับขึ้นราคาก็มีผลต่อกลุ่มผู้พัฒนาโครงการด้วย จะเห็นได้ว่าดีเวลอปเปอร์ต่างเร่งการก่อสร้างอย่างหนักในไตรมาส 2 เพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มอีกในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ปริมาณการขายของบริษัทดีขึ้น โดยครึ่งปีแรกมีการขายกระเบื้องไป 39.7 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้นถึง 14% YoY

ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ COTTO กระเบื้อง Eco Collection นำเศษวัสดุ (waste) กลับมาใช้ใหม่ในการผลิต

 

ภาพรวมดีขึ้นจากปี’64

แม้จะเผชิญปัญหาต้นทุนพลังงานและเงินเฟ้อ แต่นำพลมองว่า ปี 2565 นี้น่าจะยังดีกว่าปี 2564 เพราะปีก่อนตลาดชะลอไปมากช่วงครึ่งปีหลังที่มีการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ขณะที่ปีนี้มีการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยว ซึ่งทำให้ดีมานด์การรีโนเวตโรงแรมห้องพักตามหัวเมืองท่องเที่ยวมีสูงขึ้น ช่วยชดเชยตลาดรีโนเวตบ้านเก่าที่อาจจะชะลอตัวไปบ้างโดยเฉพาะในกลุ่มตลาดกลางถึงล่างที่อ่อนไหวต่อค่าครองชีพ

ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะยังคงมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยมีงบลงทุน 350-400 ล้านบาท ส่วนใหญ่นำไปใช้ปรับปรุงการผลิตเพื่อลดต้นทุน และการขยายสาขา “คลังเซรามิก” ร่วมกับพาร์ทเนอร์ (ขณะนี้มี 83 สาขา และมีเป้าหมายจะครบ 100 สาขาในปี 2566) อีกส่วนหนึ่งจะลงทุนร่วมกับจอยต์เวนเจอร์ในกัมพูชา เปิดร้านค้าปลีกของ COTTO เป็นแห่งแรกของกัมพูชาที่เมืองปอยเปต ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ในปีหน้า

โดยสรุปแล้ว นำพลกล่าวถึงการคาดการณ์เมื่อช่วงต้นปีบริษัทคาดว่าปี 2565 จะทำกำไรเติบโตจากปีก่อนได้ 5% แต่ถ้าหากสถานการณ์ค่าพลังงานยังผันผวนต่อเนื่อง เชื่อว่าโดยรวมทั้งปีการเติบโตก็น่าจะใกล้เคียงกับการเติบโตของครึ่งปีแรก