Citi อัปเดตเทรนด์ลงทุนครึ่งปีหลัง 65 แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ เลือกหุ้นเน้นปันผล

ธนาคารซิตี้แบงก์ อัปเดตข้อมูลเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง 2565 แนะเทรนด์ลงทุน เช่น ลดการการถือเงินสด แต่ให้ลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ที่คาดการณ์ว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี รวมถึงกระจายพอร์ตการลงทุน หลังจากโลกอาจมีความเสี่ยงเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย

เคน เพ็ง นักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิก ธนาคารซิตี้แบงก์ ได้กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจรวมถึงตลาดในช่วงที่ผ่านมาว่า นโยบายการเงินและการคลังของสหรัฐอเมริกานั้นมีปริมาณเม็ดเงินลดลงอย่างมาก สิ่งที่เกิดทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลง ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน

แต่ในขณะเดียวกันเขายังชี้ว่าสภาพตลาดแรงงานของสหรัฐอเมริกาเองก็ยังดูดี มีอัตราการว่างงานต่ำกว่า 4% และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ถ้าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่สภาวะถดถอยจะต้องทำให้ตลาดแรงงานมีผู้ว่างงานมากขึ้นกว่านี้ โดยนักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิกของซิตี้แบงก์ชี้ว่าลักษณะก่อนที่เกิดเศรษฐกิจถดถอยในอดีตเป็นแบบนี้มาโดยตลอดเวลา

ทางด้านของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกานั้นเขามองว่ามีความอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอย่างมาก และในช่วงที่ผ่านมาราคาบ้านปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากถ้าหากอัตราดอกเบี้ยต่ำ ยอดขายบ้านมักจะสูงขึ้น แต่ถ้าหากอัตราดอกเบี้ยสูงยอดขายบ้านก็ลดลง

นอกจากนี้เขายังชี้ว่าสัญญาณของเศรษฐกิจถดถอยก็คืออัตราดอกเบี้ยระหว่างพันธบัตรสหรัฐ 2 และ 10 ปี นั้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น และคาดการณ์อัตรากำไรของบริษัทสหรัฐในดัชนี S&P 500 ในปี 2566 ลดลง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะเข้าสู่สภาวะถดถอย

ด้านของอัตราเงินเฟ้อนั้น หลังจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ข้าวสาลี ปรับตัวลดลงในช่วง 2 เดือนท่ีผ่านมา ทำให้มีความคาดหวังว่าเงินเฟ้ออาจชะลอตัวลง นอกจากนี้นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจไม่ขึ้นดอกเบี้ยแบบตึงตัวน้อยลง แตกต่างกับในช่วงที่ผ่านมา

ทำให้เขามองว่าสิ่งที่ดีหลังจากนี้คือตราสารหนี้จะดูดีมากขึ้น เขาได้ยกผลตอบแทนของพันธบัตร 10 ปีที่น่าเริ่มเข้าลงทุน และเขายังชี้ว่าถ้าหากมีตราสารหนี้ในพอร์ตการลงทุนของลูกค้านั้นจะทำให้ความผันผวนของพอร์ตการลงทุนลดลงได้อีกด้วย

ขณะที่เรื่องของตลาดหุ้นจีนนั้น เคนมองว่ามีความท้าทายและความเสี่ยงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่เขามองว่าจีนอาจมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มมากขึ้น เขาได้ชี้ว่าปัจจัยที่ตลาดหุ้นจีนจะฟื้นตัวได้นั้นดูได้จากปริมาณการนำบริษัทเข้า IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยปัจจุบันชะลอตัวลงมากๆ และเขายังแนะนำให้ดูปริมาณเงินกู้ในระบบ ซึ่งเขามองว่าหลังจากนี้หุ้นจีนจะฟื้นตัวได้

มาถึงคำถามหลายคนที่สงสัยว่าแล้วสภาวะอย่างนี้จะลงทุนช่วงนี้อย่างไร นักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิกของธนาคารซิตี้แบงก์ชี้ว่าให้เลือกลงทุนหุ้นที่เป็นบริษัทคุณภาพ หรือเน้นไปที่หุ้นปันผล หรือหุ้นเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงหุ้นกลุ่มสุขภาพ

ขณะเดียวกันเทรนด์ระยะยาว พลังงานสะอาดนั้นเขาชี้ว่ายังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ระยะยาวยังเติบโตได้ดี เห็นได้จากเม็ดเงินในการลงทุนช่วงที่ผ่านมา ซึ่งธุรกิจเกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า และยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ที่น่าลงทุน นอกจากนี้เขายังแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างกองทุนป้องกันความเสี่ยง (Hedge Fund) หรือแม้แต่บริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) ก็ช่วยในเรื่องผลตอบแทนเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจแบบนี้