รายงานจากบริษัทวิจัยเผยตลาดชานมไข่มุกในอาเซียนมีขนาดถึง 129,642 ล้านบาท โดยประเทศที่มีขนาดตลาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนนั่นก็คืออินโดนีเซีย รองลงมาคือประเทศไทย ในรายงานยังชี้ว่าตลาดชานมไข่มุกเป็นตลาดที่ผู้เล่นรายใหญ่สามารถอยู่ร่วมกับผู้เล่นรายย่อยได้อีกด้วย
รายงานของ Momentum Works ที่ได้รายงานถึงตลาดชานมไข่มุกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีขนาดถึง 3,660 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเทศที่มีขนาดตลาดใหญ่สุดคืออินโดนีเซีย รองลงมาคือประเทศไทย เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ตามลำดับ
ตลาดชานมไข่มุกในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ถึง 749 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 26,522 ล้านบาท ในรายงานนั้นผู้นำในประเทศไทยประกอบด้วยแบรนด์อย่าง Kamu หรือแม้แต่ ชาตรามือ ขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่ในอาเซียนที่มีสาขาจำนวนมาก เช่น Mixue KOI Thé Chatime รวมถึง Gongcha
ไม่เพียงเท่านี้ในประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีการบริโภคชานมไข่มุกสูงที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียนอีกด้วย
รายงานของ Momentum Works ยังชี้ว่าตลาดชานมไข่มุกในอาเซียนยังมีพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กหรือแม้แต่รายใหญ่ ซึ่งแตกต่างกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ผู้เล่นรายใหญ่ได้ไล่กินรวบผู้เล่นขนาดย่อม นอกจากนี้ตลาดชานมไข่มุกนั้นเป็นตลาดที่ผู้เล่นรายใหญ่และรายเล็กสามารถอยู่ร่วมกันได้
ขณะเดียวกันผู้เล่นจากประเทศจีนหลายรายก็ได้ลงมาขยายธุรกิจในอาเซียนด้วยเช่นกัน เนื่องจากตลาดชานมไข่มุกในประเทศจีนแม้จะมีขนาดใหญ่ถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เริ่มมีขนาดตลาดที่อิ่มตัวแล้ว ซึ่งหลายรายได้เปิดสาขาในประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น
ในรายงานยังชี้ว่าแม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้ผู้เล่นหายไปจากตลาด แต่แบรนด์ชานมไข่มุกเจ้าต่างๆ เริ่มมีความระมัดระวังตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาหรือแม้แต่ปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจ และแบรนด์ต่างๆ ก็หันมาออกผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากขึ้น เช่น ใส่น้ำตาลน้อยลง ฯลฯ รวมถึงชี้ว่าช่องทางขายออนไลน์ก็มีความสำคัญมากขึ้น แต่คำถามที่สำคัญหลังจากนี้คือธุรกิจเจ้าไหนที่สามารถชิงเงินจากลูกค้าได้มากกว่ากัน
ที่มา – CNA, รายงานของ Momentum Works