กลยุทธ์ “พรีโม” รวบงานบริการอสังหาฯ ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ดันรายได้ 1,000 ล้านใน 3-5 ปี

“พรีโม” บริษัทในเครือออริจิ้น กำลังจะสปินออฟเปิด IPO บริษัทนี้เป็นผู้ให้บริการอสังหาฯ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีบริษัทลูกที่บริการตั้งแต่ออกแบบก่อสร้าง นิติบุคคล แม่บ้าน จนถึงรับจ้างบริหารสินทรัพย์ โดยไฮไลต์อยู่ที่การต่อสู้กับเรดโอเชียนในธุรกิจนิติบุคคล และการจับตลาดบลูโอเชียนของธุรกิจรับบริหารเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ รวมถึงการเข้าสู่วงการอินทีเรีย พร้อมปักเป้ารายได้แตะ 1,000 ล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า

บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI (อ่านว่า พี-ริ) เป็นบริษัทลูกในเครือออริจิ้น แรกเริ่มเดิมทีเป็นบริษัทเอเย่นต์ขายและแม่บ้านทำความสะอาดที่ช่วยสนับสนุนโครงการบริษัทแม่

กระทั่งเห็นลู่ทางว่าสามารถขยายเป็นธุรกิจเฉพาะตัวรับงานโครงการอื่นนอกจากออริจิ้นได้ ทำให้พรีโมขยายมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีบริษัทลูก 8 แห่งที่รับงานบริการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เรียกว่า ‘ครอบจักรวาล’ อสังหาริมทรัพย์ (อ่านรายละเอียดบริษัทลูกทั้ง 8 แห่งว่ามีอะไรบ้างได้ที่นี่)

พรีโม
บริษัทลูก 8 แห่งภายใต้ PRI

ต้นน้ำถึงปลายน้ำของ PRI แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.Pre-Living Services ได้แก่ ธุรกิจตัวแทนขาย, ธุรกิจออกแบบอาคาร, ธุรกิจบริหารการก่อสร้าง และธุรกิจออกแบบตกแต่งภายใน 2.Living Services ได้แก่ ธุรกิจบริหารอาคาร(นิติบุคคล) และธุรกิจแม่บ้านทำความสะอาด 3.Living & Earning Services ได้แก่ ธุรกิจบริหารเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และธุรกิจอบรมด้านอสังหาฯ

 

ธุรกิจ “นิติบุคคล” สู้ด้วย “ไอที” และหารายได้เสริม

ธุรกิจหลักของ PRI นั้นยังคงเป็น “นิติบุคคล” โดย “จตุพร วิไลแก้ว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRI กล่าวว่า มี 2 บริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจนี้ คือ บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด (PMM) บริหารโครงการระดับกลางถึงกลางบน ถ้าเป็นคอนโดมิเนียมจะอยู่ในกลุ่มราคาไม่เกิน 150,000 บาทต่อตร.ม. และอีกบริษัทคือ บริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัด บริหารโครงการไฮเอนด์ ในกลุ่มราคามากกว่า 150,000 บาทต่อตร.ม. เพราะจะมีบุคลากรพิเศษ เช่น กงเซียจ 24 ชม. หรือพนักงานที่พูดได้ 3 ภาษา

พรีโม
“จตุพร วิไลแก้ว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRI

ธุรกิจนิติบุคคลถือว่าเป็น “เรดโอเชียน” ทีเดียว เพราะบริษัทอสังหาฯ หลายแห่งมีบริษัทนิติบุคคลของตนเอง และมีอีกหลายบริษัทที่รับจ้างอยู่ในตลาด ดังนั้น ถ้า PMM และคราวน์จะเติบโตได้ ต้องแข่งด้วยคุณภาพและต้นทุนที่ถูกกว่า

จตุพรกล่าวในประเด็นนี้ว่า บริษัทจะมีการลงทุนด้านไอทีอีก 500-1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างแพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยีในโครงการ เช่น ทำระบบสร้าง QR Code ล่วงหน้าให้กับผู้มาติดต่อ (visitor) ของลูกบ้าน ทำให้เข้าออกสะดวก ไม่ต้องแลกบัตร ลูกบ้านไม่ต้องมารับที่หน้าล็อบบี้

ขณะที่การลดต้นทุนคือจะต้องใช้คนจำนวนน้อยแต่ทำงานได้มากกว่า ดังนั้น พนักงานของพรีโมจะต้อง ‘multitasking’ ทำงานได้หลายอย่าง ล่าสุดบริษัทมีการเปิดบริการใหม่ภายในโครงการ Co-Nannies รับเลี้ยงเด็ก และ Co-Trainer เทรนเนอร์ออกกำลังกาย บริการใหม่เหล่านี้เกิดจากการส่งเสริมพนักงานภายในให้ไปอบรม มีใบรับรอง และมาบริการลูกค้า โดยพนักงานจะได้รายได้พิเศษเพิ่ม บริษัทก็มีรายได้เพิ่มจากการต่อยอดบริการใหม่ๆ เช่นกัน หรือแม้แต่การใช้ “หุ่นยนต์” ช่วยทำความสะอาด ก็จะทดแทนแรงงานมนุษย์ได้มาก

 

“แฮมป์ตัน” เจรจาดีลเข้าบริหารนอกเครือ

อีกส่วนที่เป็นไฮไลต์ จตุพรกล่าวถึง บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเมนท์ จำกัด หรือ HHR เป็นผู้รับบริหารยูนิตในที่พักอาศัยหรือโรงแรมให้เป็นไปในลักษณะเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ มีมาตรฐานแบบห้องพัก เครื่องนอน และบริการ

แฮมป์ตัน เรสซิเดนซ์ พญาไท

ที่ผ่านมา HHR ยังทำงานเฉพาะกับโครงการในเครือออริจิ้น แต่ปัจจุบันกำลังเจรจากับโรงแรมและที่พักอาศัยนอกเครือเพื่อมาอยู่ในพอร์ตเพิ่ม

จตุพรมองว่าธุรกิจของ HHR ถือเป็นบลูโอเชียนเพราะบริษัทจะรับจ้างบริหาร “บิ๊กลอต” ในโครงการหนึ่งๆ เช่น 50-150 ห้องในโครงการ ไม่จำเป็นต้องได้ดีลทั้งอาคารเหมือนเชนโรงแรม และไม่เหมือนกับบริษัทเอเย่นต์ทั่วไปที่รับดูแลเป็นห้องๆ ไปซึ่งไม่ได้ดูแลลูกค้าแบบฟูลฟังก์ชัน ทำให้บริการแบบ HHR จะตอบโจทย์กลุ่ม ‘expat’ ได้ดีกว่า

 

“อินทีเรีย” Wyde จับตลาดโรงแรมและรีเทล

ด้านธุรกิจที่กำลังเป็นเทรนด์ มีโอกาสสร้างรายได้สูง จตุพรมองว่าเป็น บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด (Wyde) เพราะบริษัทเริ่มเข้าไปจับตลาด B2B ได้ จากการรีโนเวทโรงแรมที่มีมากขึ้น และกลุ่ม “รีเทล” ร้านค้าแบรนด์ต่างๆ ที่มีการขยายสาขาไปทั่วประเทศ และต้องการการออกแบบสาขาจาก Wyde

จตุพรกล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม Pre-Living 25% กลุ่ม Living 55% และกลุ่ม Living & Earning 20% โดยทำรายได้เมื่อปี 2564 ไปที่ 490 ล้านบาท บริษัทตั้งเป้าจะทำรายได้ขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า ด้านการเปิด IPO นั้น ขณะนี้บริษัทได้ยื่นไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าจะได้เริ่มเทรดในตลาดภายในสิ้นปีนี้