DNA คนซัมซุง

การเดินทางของธุรกิจโทรศัพท์มือถือ “ซัมซุง” ที่มาได้ไกลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มาจากการทำงานอย่างหนัก ตามวัฒนธรรมการทำงานแบบ “เกาหลี” ที่คนทำงานต้องทำผลงานให้เกินเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ ต้องมีคนทำงานในแบบที่มีความมุ่งมั่นและรักในการเป็น “ผู้ชนะ”

ปัจจุบันธุรกิจโทรศัพท์มือถือของซัมซุงในเมืองไทย มี “วิชัย พรพระตั้ง” ผู้อำนวยการธุรกิจโทรคมนาคม และ “สิทธิโชค นพชินบุตร” ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เป็น 2 ผู้บริหารหลักที่ร่วมกันผลักดันธุรกิจโทรศัพท์มือถือของซัมซุงต่อจากผู้บริหารรุ่นก่อนๆ จนปัจจุบัน “ซัมซุง” โดดเด่นและมาถึงจุดที่กำลังจะได้ลิ้มลองรสชาติของการเป็นผู้ชนะในธุรกิจนี้ หลังจากรอคอยมานานเกือบ 10 ปี

“กรณีของซัมซุงก็ไม่ต่างจากบริษัทข้ามชาติทั่วไปที่ตั้งเป้าให้บริษัทในเครือทำยอดขายโตประมาณปีละ 10% แต่สำหรับพวกเราแล้ว การโต 10 หรือ 20-30% คือเรื่องปกติ ดังนั้นจึงกล้าที่จะบอกกับบริษัทแม่ว่าเราหวังว่าจะโตได้ถึง 50%” “วิชัย” เล่าถึงการกำหนดเป้าหมายของการทำงานของเขาและทีมงานซัมซุง ซึ่งมาจากความเชื่อมั่นว่าการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของซัมซุงนั้นมีประสิทธิภาพจนส่งต่อให้คนทำงานอย่างเขาทำผลงานได้

เป้าหมายนี้จะต้องได้คนทำงานที่มีคุณสมบัติเหมาะกับ “ซัมซุง” ที่ “วิชัย” บอกว่าคนที่มาร่วมงานกับซัมซุงเรียกได้ว่ามี Passion for Winning มีความมุ่งมั่นทำงาน ซึ่ง “สิทธิโชค” เสริมว่าคุณสมบัตินี้เป็นเกณฑ์การคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน คนที่มาสมัครต้องแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามี Passion ที่จะทำให้ธุรกิจเป็นที่ 1 ให้ได้ ซึ่งไม่ได้พิจารณาเพียงวิสัยทัศน์ หรือการบอกเล่าเท่านั้น แต่วัดได้ระดับหนึ่งจากที่คนนั้นเคยทำอะไรเป็นที่ 1 บ้างหรือไม่

นอกจากคนแล้ว กระบวนการทำงานยังเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ยึดหลัก Empower ให้ทุกคนกล้าตัดสินใจในอำนาจการตัดสินใจที่ได้วางไว้ให้ ทำให้ Speed ในการทำงานของซัมซุงเร็วและทันกับความต้องการของผู้บริโภค

หลักการทำงานที่สำคัญอีกประการหนึ่ง “วิชัย” บอกว่าซัมซุงเป็นบริษัทที่ไม่ดื้อ ถ้าผิดพลาดแล้วก็ต้องปรับตัวเร็ว เดินทางผิดก็เปลี่ยน

วิธีการทำตลาดของซัมซุงยังชัดยิ่งขึ้นว่าผลิตภัณฑ์นี้ไม่ใช่การเล่าเรื่องเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่คือสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายใช้ชีวิตประจำวัน เมื่อซัมซุงเลือก “วิชัย” และ “สิทธิโชค” เข้ามาขับเคลื่อน เพราะทั้งสองมีประสบการณ์ในธุรกิจ FMCG โดยผ่านทั้งพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล และไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป มาเหมือนกัน

“วิชัย” บอกว่าแรกๆ ที่เขาเข้ามาในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ยอมรับว่า “มึน” แต่เมื่อคิดว่าต้อง Back to Basic คือ Customer Centric สิ่งที่ตามมาจึงไม่ยาก และเมื่อลูกค้ามาซื้อเรามากขึ้น ก็หมายถึงว่าเราได้เดินมาถูกทางแล้ว

สำหรับวันนี้แม้จะแถลงได้อย่างเต็มที่ว่าปี 2011 คาดว่าจะทำยอดขายเติบโตถึง 50% แต่สำหรับการทำงานกับซัมซุงนั้น ต้องบอกว่าเหมือนการวิ่งแข่ง 100 เมตร แบบมาราธอน คือไม่ใช่ถึงเส้นชัยแล้วจบ “วิชัย” บอกว่านี่ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นสำหรับซัมซุง เพราะคำถามต่อไปคือ เมื่อได้เป็นที่ 1 แล้ว What’s next หรือสิ่งที่ซัมซุงต้องก้าวต่อไปนั้นจะเป็นอย่างไร

People
“วิชัย พรพระตั้ง” ร่วมงานกับซัมซุงปี 2551 มีประสบการณ์ในธุรกิจกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายแบรนดิ้ง ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส, รองประธานฝ่ายการตลาด เดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และผู้จัดการฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย)

เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขาการบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยลาเวิร์น (La Verne University) รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาโฆษณา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูง ด้านนักบริหารการตลาดและจัดซื้อสินค้าจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (University of California) ประเทศสหรัฐอเมริกา

ก่อนเริ่มงานทุกวัน “วิชัย” จะไปออกกำลังกายตอน 6 โมงเช้าก่อนจะมาถึงทำงานในเวลา 8 โมงเช้า หลักการทำตลาดสำหรับซัมซุงวันนี้คือ Back to Basic ที่มีคำตอบคือ Customer Centric

“สิทธิโชค นพชินบุตร” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการตลาดอาวุโสฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ก่อนหน้านั้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์องค์กร ให้กับบริษัท เดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายภูมิภาค โดยดูแลการวางแผนการตลาดทั้งในและต่างประเทศในเขตภูมิภาค กับบริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเวลาถึง 7 ปี

เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัย จอร์เจีย สเตท (Georgia State University) ประเทศสหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจเอกการตลาดมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

หลักการทำงานของเขาคือ “Work Hard Work Smart”