บริษัท Samsung เตรียมเปิดไลน์ผลิต “ชิป” ขนาด 3 นาโนเมตรภายในปีนี้ และจะมุ่งไปสู่การผลิตชิปขนาดเล็กที่สุด 1.4 นาโนเมตรภายในปี 2027 ซึ่งจะเป็นชิปเทคโนโลยีขั้นสูงสุดในโลก เปิดศึกแข่งขันกับ TSMC ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ขณะนี้
Samsung ประกาศในวันที่ 4 ตุลาคม 2022 ว่า บริษัทวางแผนจะผลิตเซมิคอนดักเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่สุดในโลกให้ได้ภายใน 5 ปี โดยเป็นชิปเซ็ตขนาดเพียง 1.4 นาโนเมตร
การประกาศนี้ทำให้การแข่งขันระหว่างเจ้าตลาดผู้ผลิตชิปยิ่งร้อนแรงขึ้น ปัจจุบันผู้นำอันดับ 1 ของโลกคือ TSMC แห่งไต้หวัน และ Samsung แห่งเกาหลีใต้ตามมาเป็นอันดับ 2
แผนของบริษัท Samsung ที่จะผลิตเซมิคอนดักเตอร์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงมีลำดับดังนี้
- ผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตร ภายในปี 2022
- ผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ภายในปี 2025
- ผลิตชิปขนาด 1.4 นาโนเมตร ภายในปี 2027
ขนาดนาโนเมตรดังกล่าวนั้นหมายถึงขนาดของทรานซิสเตอร์แต่ละชิ้นที่อยู่บนชิป ทำให้ยิ่งทรานซิสเตอร์เล็กลงเท่าไหร่ ก็ยิ่งอัดจำนวนทรานซิสเตอร์ลงไปในชิปเซ็ต 1 ชิ้นได้มากเท่านั้น และยิ่งมีทรานซิสเตอร์มากก็ยิ่งทำให้ชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ตัวอย่างเช่น สมาร์ทโฟนล่าสุดจาก Apple อย่าง iPhone 14 Pro และ Pro Max ใช้ชิปเซ็ตขนาด 4 นาโนเมตรเท่านั้น
การเพิ่มความสามารถในการผลิตชิปให้เล็กลงของ Samsung จึงทำให้มีโอกาสที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดมาจาก TSMC ได้มากขึ้น จากปัจจุบัน Samsung มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ 17.3% ขณะที่ TSMC กินตลาดไปถึง 52.9%
แผนของ Samsung ประกาศในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเสี่ยงที่จะถดถอย และจะทำให้ดีมานด์การใช้เซมิคอนดักเตอร์ถดถอยไปด้วย โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อุตสาหกรรมชิปทั่วโลกทำยอดขายต่ำลง 3.4% เทียบกับเดือนกรกฎาคม (ข้อมูลจาก สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ)
อย่างไรก็ตาม วิสัยทัศน์ของ Samsung วางเป้าว่า บริษัทจะยังเร่งขยายกำลังการผลิตของชิปขั้นสูงเหล่านี้ให้มากขึ้นเป็น 3 เท่าตัวภายในปี 2027 สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทเชื่อมั่นในดีมานด์อนาคต
การขยายกำลังผลิตเหล่านี้จะมาจากแผนการเพิ่มไลน์ผลิตและการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ของ Samsung ซึ่งรวมถึงที่กำลังสร้างในสหรัฐอเมริกาด้วย โดยมีโรงงานผลิตชิป 2 แห่งของ Samsung ในรัฐเท็กซัสที่กำลังสร้าง
การเพิ่มฐานผลิตชิปในสหรัฐฯ นั้นถือเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัท และทางสหรัฐฯ เองก็มีนโยบายดึงผู้ผลิตชิปให้มาตั้งฐานในประเทศมากขึ้นด้วย เพื่อรักษาสมดุลมีแหล่งผลิตชิปในมือมากขึ้น หลังจากทวีปเอเชียกลายเป็นแหล่งผลิตชิปหลักของโลก
แม้ว่า Samsung จะมุ่งเน้นการผลิตชิประดับสูง แต่ธุรกิจหลักเกิน 50% ในปี 2027 ของบริษัทก็น่าจะยังมาจากเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีไม่สูงเท่า เช่น ชิปสำหรับยานยนต์ อุปกรณ์ 5G หรือคอมพิวเตอร์