ทนไม่ไหวแล้ว WSJ เผย Apple เตรียมเร่งย้ายฐานการผลิตออกนอกจีน ไปเวียดนาม-อินเดีย

ภาพจาก Shutterstock

สื่อธุรกิจอย่าง Wall Street Journal ได้รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Apple ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีเตรียมเร่งย้ายการผลิตสินค้าออกจากประเทศจีนให้ได้ไวที่สุด หลังจากที่นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีนได้สร้างผลกระทบต่อการผลิตสินค้าของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาอย่างมาก

เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ Apple ต้องเร่งย้ายฐานการผลิตออกจากจีนนั่นก็คือ มาตรการโควิดเป็นศูนย์ การประท้วงของแรงงาน Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าของ Apple รายใหญ่ในเมือง Zhengzhou ซึ่งถือเป็นโรงงานใหญ่ในประเทศจีน มีพนักงงานในโรงงานมากถึง 2 แสนคน ที่มีรายงานถึงการรับค่าจ้างที่ต่ำ รวมถึงสภาวะความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ว่าทาง Foxconn จะกล่าวว่าได้มีการดูแลและให้ค่าจ้างเพิ่มแล้วก็ตาม

ไม่เพียงเท่านี้โรงงานในเมือง Zhengzhou ยังถือเป็นโรงงานสำคัญในการผลิต iPhone 14 Pro ซึ่งผลกระทบจากการประท้วงของแรงงานยังส่งผลทำให้สินค้าตัวดังกล่าวนักวิเคราะห์คาดว่าลูกค้าต้องใช้เวลาในการรอนานมากกว่า 1 เดือน

ในรายงานของ Wall Street Journal ยังชี้ว่าแรงงานในประเทศจีนก็กำลังมีอายุเพิ่มมากขึ้น ค่าแรงที่ต้องจ่ายก็เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยทำงานนั้นก็ไม่ต้องการที่จะทำงานประเภทโรงงานอุตสาหกรรมอีกต่อไป จึงทำให้ Apple เริ่มหันไปที่ประเทศอื่นๆ แทน

นอกจากนี้ในรายงานดังกล่าวยังชี้ว่าการเร่งย้ายการผลิตออกนอกประเทศจีนยังช่วยลดความเสี่ยงจากการจ้างบริษัทผลิตสินค้าอย่าง Foxconn ซึ่งถือเป็นบริษัทที่ผลิตสินค้ารายหลักของ Apple ที่พึ่งพาการผลิตในประเทศจีน และต้องการที่จะกระจายการผลิตไปยังผู้ผลิตรายอื่นๆ เพื่อที่จะลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

สำหรับประเทศปลายทางที่ Apple เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตนั่นก็คืออินเดียและเวียดนาม ซึ่งก่อนหน้านี้หลายผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้เพิ่มกำลังผลิตที่ 2 ประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็น MacBook ไปจนถึงหูฟัง AirPods โดยที่อินเดียนั้น Apple คาดหวังว่าจะมีสัดส่วนการผลิตสินค้าของบริษัทมากถึง 40 ถึง 45% เลยทีเดียว

ในช่วงที่ผ่านมาหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น Apple ได้พยายามที่จะกระจายการผลิตสินค้าของบริษัทออกนอกประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดีบริษัทประสบปัญหาในการจ้างพนักงานในประเทศปลายทาง นโยบายการเมืองท้องถิ่นในอินเดีย รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงทำให้แผนการดังกล่าวดำเนินไปอย่างล่าช้า