จีนฟ้อง WTO กรณีสหรัฐฯ ใช้มาตรการควบคุมการส่งออกชิป ทำ Supply Chain เสียหายหนัก

ภาพจาก Shutterstock

จีนเตรียมนำกรณีที่สหรัฐฯ ออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิปเตรียมเข้าเป็นข้อพิพาทในองค์การการค้าโลก หลังจากภาคเอกชนของจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯ เองมองว่ากรณีดังกล่าวนั้นไม่สามารถเจรจาภายใต้กรอบของ WTO โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องความมั่นคง

สำนักข่าว Reuters ได้รายงานข่าวว่ากระทรวงพาณิชย์ของจีนได้เปิดข้อพิพาททางการค้าที่องค์การการค้าโลก (WTO) กับสหรัฐอเมริกา ในกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิป ซึ่งสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในจีนที่มีมูลค่าหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

รัฐบาลจีนได้รับข้อเรียกร้องจากภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในจีนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

ถ้อยแถลงของกระทรวงพาณิชย์ของจีน ณ กรุงเจนีวา ได้กล่าวว่า จีนดำเนินการทางกฎหมายภายใต้กรอบ WTO ถือเป็นวิธีที่จำเป็นในการจัดการกับข้อกังวลและปกป้องผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ฝ่ายจีนยังได้กล่าวว่ามาตรการดังกล่าวของสหรัฐอเมริกาได้คุกคามเสถียรภาพ Supply Chain ของอุตสาหกรรมทั่วโลก

ในช่วงที่ผ่านมาจีนและสหรัฐฯ ได้มีข้อพิพาทที่องค์การการค้าโลกในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กจากประเทศจีน จนมาถึงกรณีล่าสุดที่เกี่ยวกับชิป หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายมีความขัดแย้งด้านเศรษฐกิจนับตั้งแต่สมัยรัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นต้นมา

ขณะที่ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ดำรงตำแหน่งนั้น ความขัดแย้งระหว่าง 2 มหาอำนาจได้ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งมาตรการล่าสุดที่นำมาใช้กับจีนคือการควบคุมการส่งออกชิป รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากสหรัฐฯ กลัวว่าจีนจะนำชิปที่บริษัทในสหรัฐฯ ผลิตได้ไปใช้ในทางทหาร ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประเทศในท้ายที่สุด

ขั้นตอนแรกที่ WTO เตรียมที่จะนำคู่ขัดแย้ง 2 ฝ่ายมานัดเจรจาและปรึกษาก่อนภายในระยะเวลา 60 วัน ถ้าหากไม่สำเร็จแล้วอาจมีการนำข้อพิพาทดังกล่าวมาพิจารณา ซึ่งใช้เวลานานหลายปี ขณะที่โฆษกของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่าได้รับคำร้องขอในกรณีดังกล่าวแล้ว และมองว่าในเวทีของ WTO เองไม่สามารถที่จะหารือในเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นกรณีของความมั่นคง