ส่องเทรนด์ “บิวตี้” ปี 2022 คนไทยนิยม “สกินแคร์” ที่ชูโรงเรื่อง “ส่วนผสมสำคัญ” มากขึ้น

สกินแคร์ บิวตี้ ไทย
(Photo: Shutterstock)
เทรนด์สินค้า “บิวตี้” ปี 2022 จากการวิจัยโดย Mintel พบว่า คนไทยนิยม “สกินแคร์” ที่ชูจุดเด่นด้าน “ส่วนผสมสำคัญ” มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นโอกาสผู้ประกอบการในการโปรโมตสินค้าด้วยสารบำรุง และเสนอส่วนผสมอื่นที่น่าสนใจให้กับตลาด

วงการบิวตี้ปี 2022 มีอะไรมาแรงที่น่าจะส่งผลต่อเนื่องมาถึงปีนี้บ้าง? Mintel วิจัยในคนไทยอายุมากกว่า 18 ปี จำนวน 2,000 คน พบว่า โควิด-19 ทำให้มุมคิดของคนไทยใส่ใจเรื่องสุขภาพผิวจากภายในสู่ภายนอกกันมากขึ้น โดยมีคนไทย 40% ที่รับประทานอาหารเสริมเพื่อดูแลความงาม

แนวความคิดนี้ส่งต่อมาถึงการเลือกสกินแคร์สำหรับใช้ภายนอก การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บิวตี้ของคนไทยไม่ได้มองแค่การบอกคุณสมบัติว่าผลิตภัณฑ์นั้นใช้แล้วได้ประโยชน์อย่างไร แต่ใส่ใจกับการเลือก “ส่วนผสมสำคัญ” ของสกินแคร์นั้นๆ มากขึ้น

สกินแคร์ บิวตี้ ไทย
Photo: Cotton Bro Studio / Pexels

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคนไทยยังรู้จักส่วนผสมสารบำรุงในสกินแคร์น้อยชนิด จากการวิจัยของ Mintel มีคนไทย 52% ที่รู้จักชนิดของสารบำรุงน้อยกว่า 4 ชนิดจาก 9 ชนิดที่สำรวจ

สารบำรุงที่คนไทยรู้จักมากที่สุด ปรากฏว่าเป็น “Hyaluronic Acid” ซึ่งมีคนไทย 49% รู้จักส่วนผสมนี้ ส่วนสารบำรุงอื่นๆ ที่มีคนรู้จักเรียงตามลำดับมากไปน้อย ได้แก่

  • Hyaluronic Acid – (49%) คนไทยเรียกกันติดปากว่า “ไฮยา” รู้จักในฐานะสารที่ช่วยกักเก็บน้ำในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ
  • AHA – (40%) คนไทยรู้จักว่าเป็นสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอยดำด่าง
  • Cica – (39%) สารต้านอนุมูลอิสระช่วยรักษาสิว ลดการระคายเคือง
  • Probiotic – (35%) จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ นำมาใช้ในสกินแคร์เพื่อปรับสมดุลแบคทีเรียบนผิวหน้า
  • Peptide – (34%) สารบำรุงที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึง
  • Ceramide – (34%) สารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว เหมาะกับผิวที่ขาดน้ำ
  • Zinc – (30%) แร่ธาตุสังกะสีช่วยป้องกันการเติบโตของแบคทีเรีย ลดความมันอุดตัน ทำให้ลดปัญหาสิว
  • Petroleum Jelly – (21%) สารที่ใช้ป้องกันผิวแห้ง รักษาความชุ่มชื้น
  • Niacinamide – (21%) หรือก็คือวิตามินบี 3 ช่วยลดรอยแดง รอยแผลเป็นจากสิว และช่วยกระชับรูขุมขน
ข้อมูลจาก Mintel

Mintel ระบุไฮไลต์จากการสำรวจนี้ว่า ส่วนผสมที่น่าสนใจในการโปรโมต คนไทยรู้จักมากกว่าที่คิดแต่ตลาดกลับยังมองว่าเป็น “นิชมาร์เก็ต” คือ Probiotic เพราะสารกลุ่มนี้กำลังมาแรงในเกาหลีใต้ และคนไทยรับอิทธิพลจาก K-Beauty สูง ทำให้การมีผลิตภัณฑ์ที่ชูโรงสารบำรุงกลุ่มนี้ที่มีประโยชน์ในการปรับสมดุลแบคทีเรีย ทำให้หน้าใสไร้สิวจากพื้นฐานบนใบหน้า น่าจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการ

ในการวิจัยครั้งนี้ มีคนไทยประมาณครึ่งหนึ่งที่รู้จักสารบำรุงน้อยชนิด แต่จะมีคนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง สัดส่วนถึง 32% ที่รู้จักสารบำรุงมากกว่า 6 ชนิดจาก 9 ชนิด เพราะเป็นกลุ่มที่มีปัญหาผิวหน้าหลายประเด็น จึงมีองค์ความรู้มากเกี่ยวกับสกินแคร์

ผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความน่าสนใจต่อผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แบบ ‘customized’ ให้กับลูกค้า เพราะผู้บริโภคมีความรู้พอที่จะผสมสกินแคร์เองได้ ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ออกมาแล้วในตลาด เช่น การ์นิเย่ มีผลิตภัณฑ์แอมพูลเซรั่มที่แบ่งใช้เป็นครั้งๆ ในแต่ละหน่วยจะบรรจุวิตามินซี 3% และสาร Niacinamide เพื่อให้ผู้บริโภคนำไปผสมกับสกินแคร์อื่นได้เอง

อินไซต์จากผู้บริโภคนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการสายบิวตี้ ในการดึงสารบำรุงสำคัญมาเป็นจุดชูโรง ใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ของลูกค้าที่มีมากขึ้นและใส่ใจมากขึ้นแล้ว