กรุงไทยเตือน 5 ปัจจัยสำคัญกระทบภาคธุรกิจไทย มองเศรษฐกิจปีนี้ยังโตได้จากท่องเที่ยว

ภาพจาก Shutterstock

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ได้ออกบทวิเคราะห์ชี้ถึง 5 ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อธุรกิจไทยในปี 2566 นี้ และย้ำถึงการวางแผนรับมือในปัจจัยดังกล่าวนี้ ขณะเดียวกันก็มองว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะโตได้ถึง 3.4% ได้แรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวของไทย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของไทยอาจได้เห็นถึง 2% ในปีนี้

ศูนย์วิจัยของธนาคารกรุงไทย ยังประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2566 นั้นฟื้นตัวต่อเนื่อง จากแรงขับเคลื่อนของภาคการท่องเที่ยว และชี้ถึง 5 ปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจไทยจะต้องรู้ หลังเศรษฐกิจเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ และแนะนำว่าภาคธุรกิจควรวางแผนรับมือกับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามากระทบทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ธีมสำคัญในปีนี้ที่ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินไว้คือเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงนี้ได้นำพาเศรษฐกิจไทยไปอยู่ในจุดที่ไม่คุ้นเคย ภายใต้โลกใหม่ที่มีความผันผวนและซับซ้อน

5 ปัจจัยสำคัญที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2566 นี้ได้แก่

  1. การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ Krungthai COMPASS ได้ชี้ว่าปัจจัยดังกล่าวนั้นมีหลายประเด็นที่ภาคธุรกิจไทยจะได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นผลกระทบทางตรงอย่างความรุนแรงของสภาวะอากาศตั้งแต่ระดับน้ำทะเลสูง ไปอุณภูมิที่เพิ่งสูงขึ้น จนถึงความรุนแรงของพายุ หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากผลกระทบ เช่น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ความชะงักงันของ Supply Chain เป็นต้น รวมถึงภาษีคาร์บอนที่สหภาพยุโรปเริ่มมีการเก็บในเดือนตุลาคม
  2. เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะชะลอตัว ในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานหลายแห่งหรือสถาบันการเงินต่างๆ ได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลง โดยเฉพาะ GDP ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว จากปัญหาสำคัญคือเรื่องเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 5-5.25% ส่งผลทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวจากปัญหาพลังงาน รวมถึงความเสี่ยงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายโควิดในจีน ไปจนถึงปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์
  3. เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่ภาคการท่องเที่ยว ในปี 2566 นี้ Krungthai COMPASS ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังจะเข้าสู่สภาวะเปลี่ยนผ่านจากภาคการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยไปสู่ภาคการท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะได้รับผลดีจากปัจจัยดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนนักท่องเที่ยวจากอาเซียนที่กลับมาใกล้กับจำนวนเดิมก่อนการแพร่ระบาดของโควิด
  4. การเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นของไทย ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางในแต่ละประเทศได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วและแรงในช่วงที่ผ่านมา เพื่อที่จะต่อสู้กับสภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งผลดังกล่าวได้กระทบกับประเทศไทยที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยตามกลุ่มประเทศเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
  5. การเปลี่ยนผ่านท่ามกลางแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะปัญหาของราคาพลังงานในช่วงที่ผ่านมาจากผลกระทบของการบุกยูเครนของรัสเซีย ต้นทุนค่าจ้างที่สูง ซึ่งแรงกดดันดังกล่าวทำให้ Krungthai COMPASS มองว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยแม้จะลดลงมาเหลือ 3.1% ในปีนี้ แต่ก็ยังถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้น Krungthai COMPASS คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.4% ในปี 2566 ปริมาณนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ที่ 22.5 ล้านคน การส่งออกของไทยเติบโตแค่ 0.7% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 2% และอาจมีสิทธิ์เพิ่มสูงสุดได้ถึง 2.5% ในปีหน้า ขณะที่ค่าเงินบาทของไทยคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 33.75-36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ