ผลสำรวจจากสมาคมนักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของสหรัฐอเมริกาชี้ว่าบริษัทในสหรัฐฯ เกือบ 20% เริ่มวางแผนปลดพนักงาน ขณะเดียวกันก็ยังมองว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมายอดขายของบริษัทเหล่านี้ไม่ได้กระเตื้องขึ้นมากนักนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2022 เป็นต้นมา ทำให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังจากนี้อาจเข้าสู่สภาวะถดถอยอย่างแท้จริง
สมาคมนักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของสหรัฐอเมริกา หรือ NABE ได้เปิดเผยผลสำรวจในเดือนมกราคม โดยผลสำรวจได้สอบถามบริษัทในสหรัฐ 60 บริษัท เช่น Coca-Cola ฯลฯ ในช่วงวันที่ 4-11 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งคำถามในแบบสำรวจเกี่ยวข้องทั้งในปัจจัยด้านการทำธุรกิจ ตลาดแรงงาน ไปจนถึงเรื่องปัจจัยเศรษฐกิจ
ผลสำรวจของ NABE พบว่าเกือบ 20% ของบริษัทในสหรัฐฯ วางแผนที่จะปลดพนักงาน ขณะที่ 12% ของบริษัทที่สำรวจนั้นมองว่าจะมีการเพิ่มพนักงานในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้ สาเหตุสำคัญที่ผลสำรวจออกมาเช่นนี้มาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เป็นใจ รวมถึงต้นทุนการทำธุรกิจที่สูงมากขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้บริษัทเทคโนโลยีหลายรายได้มีการปลดพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น Alphabet Amazon หรือ Microsoft โดยลูกค้าของบริษัทเหล่านี้เริ่มระมัดระวังในเรื่องค่าใช้จ่าย ส่งผลทำให้ต้องมีการปลดพนักงานในเวลาต่อมา
ไม่เพียงเท่านี้ 63% ของผู้สำรวจแบบสอบถามนั้นมองว่าอัตราค่าจ้างของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทต่างๆ ที่ตอบผลสำรวจยังชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่ง ซึ่งตัวเลขปัจจุบันอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาถือว่าต่ำที่สุดในรอบหลายปี
ขณะที่ในเรื่องของยอดขายของบริษัทต่างๆ ในไตรมาส 4 ของปี 2022 พบว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากในไตรมาส 3 มากนัก โดยคะแนนเฉลี่ยจากบริษัทต่างๆ ที่สำรวจได้ให้ไว้คือ 8 จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน ถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับในเรื่องประเด็นเศรษฐกิจนั้น 50% ของผู้ทำสำรวจมองว่าในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นมีโอกาสที่จะถดถอย นอกจากนี้ความเสี่ยงที่สำคัญที่บริษัทต่างๆ มองคือเรื่องอัตราดอกเบี้ยรวมถึงต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถ้าหากเป็นด้านตรงข้าม รวมถึงสภาวะของ Supply Chain ที่ดีขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อบริษัทเหล่านี้เช่นกัน