“ยำยำ” เลือก BOWKYLION เป็นพรีเซ็นเตอร์ ดันยอดขายบะหมี่กึ่งฯ “พรีเมียม” สินค้าฮิตในหมู่วัยรุ่น

ยำยำ BOWKYLION
ใครๆ ก็หันมาบุกหนักตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “พรีเมียม” ปีนี้ “ยำยำ” ทุ่ม 70 ล้านบาทเปิดแคมเปญดัน “ยำยำ สูตรเด็ด โฉมใหม่” ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มพรีเมียม ให้ครองใจเป้าหมาย New Gen โดยเลือกพรีเซ็นเตอร์ “BOWKYLION” (โบกี้ไลอ้อน) มาช่วยเจาะตลาดซึ่งกำลังเป็นขาขึ้น เติบโตถึง 24% เมื่อปี 2565

1 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงท้าทายของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้ราคาวัตถุดิบผลิตบะหมี่ผันผวน โดยเฉพาะข้าวสาลีและน้ำมันปาล์มที่ปรับขึ้นสูง ผู้ประกอบการต้องแบกต้นทุนไว้จนในที่สุดปี 2565 ทางกระทรวงพาณิชย์จึงอนุมัติให้ผู้ประกอบการสามารถขึ้นราคาได้ซองละ 1 บาท

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่ยังคงผันผวนขึ้นลงทำให้ผู้ประกอบการหันหาทางแก้เกมอื่นๆ โดยฝั่ง “ยำยำ” เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เลือกดันตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูประดับ “พรีเมียม” อย่างเต็มที่ เพื่อช่วยถ่วงน้ำหนักทำกำไรให้กับองค์กรได้ดีขึ้น

(จากซ้าย) “ชินานันท์ บุญศิริยะ” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจในและต่างประเทศ และ “ยูจิ มิซุตะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด

“ยูจิ มิซุตะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด เปิดเผยถึงยอดขายของยำยำเมื่อปี 2565 ภาพรวมทั้งบริษัทยำยำเติบโต 10% แต่กลุ่มที่เติบโตดีกว่าตลาดคือ “ยำยำ สูตรเด็ด” ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าพรีเมียม โตได้ถึง 24.2%

ยำยำ สูตรเด็ด เป็นสินค้าที่ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 2562 มีทั้งหมด 5 รสชาติ และปีนี้บริษัทกลับมาผลักดันสินค้าพรีเมียมอีกครั้ง ผ่านการปรับโฉมใหม่ทั้งในแง่รสชาติและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงออกรสชาติใหม่คือ กลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลซอสครีมปู แบบแห้ง

ยำยำ สูตรเด็ด BOWKYLION
“ยำยำ สูตรเด็ด” ราคาขายปัจจุบันซองละ 11 บาท (ปรับขึ้น 1 บาท เมื่อเดือนก.พ.66)

รวมถึงใช้งบ 70 ล้านบาททำแคมเปญการตลาดครบลูป และเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ BOWKYLION (โบกี้ไลอ้อน) นักร้องสาวมาแรงของยุคนี้ เพื่อให้ดึงลูกค้าได้ตรงทาร์เก็ตกรุ๊ปเป็นกลุ่ม New Gen วัยรุ่นคนรุ่นใหม่ และเป็นศิลปินที่มีภาพลักษณ์ตรงกับการสื่อสารของยำยำ สูตรเด็ด คือคาแรกเตอร์ที่เผ็ดซี้ด มีความมั่นใจ บุคลิกโดดเด่น และสามารถสร้างกระแสไวรัลได้เสมอ

ยูจิกล่าวต่อว่า ปัจจุบันยอดขายของบริษัทส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่ม “ยำยำ จัมโบ้” ซึ่งเป็นบะหมี่กึ่งฯ ตลาดแมส มีสัดส่วนในยอดขายประมาณ 60-70% รองลงมาคือ “ยำยำ ช้างน้อย” บะหมี่กึ่งฯ เจาะตลาดเด็กวัย 6-12 ปี มีสัดส่วนประมาณ 20-30% ขณะที่กลุ่มพรีเมียมคือ “ยำยำ สูตรเด็ด” และ “ยำยำ คัพ” นั้นมีสัดส่วนประมาณ 10% เท่านั้น

แต่ดังที่กล่าวไปว่า กลุ่มพรีเมียมโตดี ลูกค้านิยมทาน และยังเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงกว่าบะหมี่กึ่งฯ แบบแมส ทำให้ปีนี้บริษัทหันมาผลักดันเต็มที่ โดยเป็นตลาดที่จะต้องมีการสื่อสารการตลาดต่อเนื่องทั้งปี กระตุ้นให้ลูกค้าสนใจและเลือกซื้อบ่อยๆ

ด้านภาพรวมของยำยำ “ชินานันท์ บุญศิริยะ” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจในและต่างประเทศ กล่าวว่าในแง่ปริมาณการขาย (Volume) เมื่อปี 2565 ยำยำขึ้นมามีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 2 สำเร็จ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21.4% ซึ่งแต่ละปียำยำจะมีส่วนแบ่งตลาดราว 20-21% สูสีกับแบรนด์ไวไวและผลัดกันขึ้นลงอันดับ 2 กับ 3 มาตลอด

การขึ้นสู่อันดับ 2 อีกครั้งเมื่อปีก่อนก็เกิดจากการเร่งยอดขายในกลุ่มพรีเมียม และได้อานิสงส์การเปิดเมืองกลับมาใช้ชีวิตปกติ ทำให้ยำยำ ช้างน้อยที่เจาะตลาดเด็กประถมกลับมาโตดีด้วย ด้วยลักษณะเป็นของว่างระหว่างมื้ออาหารที่เด็กนิยมซื้อทานนอกบ้าน

ปี 2566 นี้วันไทยอุตสาหกรรมอาหารตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งบริษัทจะโต 14% และคาดหวังว่ากลุ่มพรีเมียมจะโตอย่างน้อย 24% เท่ากับปีก่อนหลังอัดงบการตลาดไปเต็มที่

ถ้าเป็นไปได้ก็จะขอยึดหัวหาดอันดับ 2 ของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไว้ให้นานที่สุดด้วย!