แม้ไม่ใช่ละครแต่การรายงานข่าวสถานการณ์น้ำท่วมของครอบครัวข่าว 3 เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไร การนำเสนอข่าวของครอบครัวข่าวทุกวันนี้ สามารถเรียกอารมณ์คนดูได้ไม่แพ้ “เรียลลิตี้โชว์” บวก “ละคร” โดยให้น้ำหนักข่าวเทไปที่ภาพของความยากลำบากในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามพื้นที่ต่างๆ มากกว่าการนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเตรียมตัวสำหรับประชาชน
ภาพของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวระดับซุป’ตาร์ รับบทพระเอก ฝ่าน้ำท่วมร่วมกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และทีมช่วยเหลือหลายรูปแบบออกตระเวนเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยตั้งแต่อุทัยธานี นครสวรรค์ ไล่มาจนถึงเขตปริมณฑล ด้วยความยากลำบากด้วยตัวเองจนไม่สบายแล้วยังต้องมานั่งกำกับการอ่านข่าวแม้ในช่วงที่ไม่มีเสียง สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดู ไม่ต่างจากการเรียกคะแนนโหวตของผู้เข้าแข่งในรายการเรียลลิตี้
ถึงจะมีสรยุทธเป็นแม่เหล็ก แต่เมื่อนำเสนอแบบเดิมไปนานๆ ก็ต้องเติมรสชาติใหม่ๆ ช่วงหลังๆ โชคดี ก่อนหน้าน้ำท่วมไม่นาน เรื่องเล่าเช้านี้เพิ่งเพิ่มส่วนประกอบของครอบครัวข่าวด้วยการนำทีมดาราของช่องมาสลับกันอ่านข่าว เพื่อเติมรสชาติของ “เรียลลิตี้ข่าว” มากขึ้น การลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านของดาราจึงเป็นส่วนสำคัญของการรายงานข่าวน้ำท่วม ที่ทำให้มีสีสันมากขึ้น ในแง่ดี ทำให้ช่วยผู้ประสบภัยได้ผ่อนคลายจากการนำเสนอข่าวแฝงบันเทิง
แต่ส่วนที่เติมเต็มสีสันการเล่า “เรียลลิตี้ข่าว” ได้ดีไม่แพ้ดาราของช่อง ต้องยกให้กับเซเลบฯ เจ้าประจำจากภาคธุรกิจ ซึ่งก็เป็นสปอนเซอร์ประจำของครอบครัวอยู่แล้ว
“เสี่ยตัน ภาสกรนที” และคู่หู “โน้ส อุดม แต้พานิช” เจ้าพ่อเดี่ยวไมโครโฟน เข้ามามีบทบาทด้วยภาพลักษณ์การช่วยเหลือแบบถึงลูกถึงคน ระยะหลังตันปรากฏตัวในสไตล์ตัวตนที่แท้จริง เสื้อยืดกางเกงขาสั้น และถอดหมวก “กัปตัน” ไอคอนที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยเริ่ม “เดี่ยวกัปตัน” ออกไปด้วย ต่างจากช่วงแรกที่ออกมาให้การช่วยเหลือและเข้าไปตรวจสอบโรงงานที่ถูกน้ำท่วม
เรื่องราวความเป็นไปของตันและโน้ส ได้รับการบอกเล่าจากปากคำของสรยุทธทุกครั้งที่ทั้งสองเข้ามามีส่วนร่วมในเหตุการณ์ตะลุยน้ำท่วม แม้ว่าตันจะเป็นเพียงหนึ่งในผู้บริจาครายใหญ่จากบรรดาธุรกิจห้างร้านที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผ่านเรื่องเล่าฯ ซึ่งส่วนสำคัญต้องยกให้กับบุคลิกที่โดดเด่นและเป็นสไตล์ที่นำมาบอกเล่าให้เป็นประเด็นที่น่าสนใจได้นั่นเอง
ยิ่งวิกฤตแบบนี้ รายการข่าวน้ำยิ่งได้รับความสนใจจากคนดูเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ส่วนละครเองโดนน้ำท่วมสถานที่ถ่ายทำไม่ทันออนแอร์ ช่อง 3 เลยตัดสินใจลดเวลาละครลง และเพิ่มเวลาให้กับรายการข่าวมากขึ้น ทั้งช่วงข่าวเช้าของสรยุทธ และข่าว 3 มิติ เพิ่มเวลาออกอากาศไปอีก 20-30 นาที
ถึงแม้ว่าที่ผ่านเรตติ้งครอบครัวข่าวช่อง 3 ติดท็อป อยู่ในเรต 4-6 มาได้ตลอด สูงกว่ารายการข่าวของช่องอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ในสถานการณ์ที่คนต้องการเสพข่าวตลอดเวลา ทำให้ไทยพีบีเอส และทีเอ็นเอ็น24 ซึ่งช่วงหลังลุกขึ้นมารายงานข่าวแบบเรียลไทม์ได้กลายเป็นตัวเลือกสำคัญของคนดูข่าวเวลานี้ เป็นเรื่องที่ครอบครัวข่าวเองก็ประมาทไม่ได้
ไม่เชื่อลองดู “เพลงน้ำท่วม” ที่แต่ละช่องผลิตขึ้นมาปิดท้ายรายการข่าวเวลานี้ กลายเป็น “กิมมิก” ใช้เรียกน้ำตาจากผู้ชมไปแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะกระชากใจคนดูได้มากกว่ากัน