การใช้โฆษณาโทรทัศน์เป็นการบอกเล่าถึงความเป็นอิเกียก็มีรูปแบบที่ชัดเจน และเป็นเอกลักษณ์ของอิเกียทั่วโลก ซึ่งในบ้านเราเองอิเกียก็ยึดตามแนวทางนี้ ภาพยนตร์โฆษณาของอิเกียที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม มีจำนวน 6 เรื่องด้วยกัน ความยาวเรื่องละ 30 วินาที
ลาร์ช สเวนสัน Deputy Store Manager บริษัท อิคาโน่ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ภาพยนตร์โฆษณาของอิเกียสะท้อนให้เห็นความเป็นตัวตนของอิเกียอย่างชัดเจน และเข้ากับลักษณะการใช้ชีวิตของคนไทย
“ภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 6 เรื่องคือบุคคลิกของคนไทย แต่ทำบนความเป็นอิเกีย ที่มีอารมณ์ขัน และเป็นตัวตนของอิเกียจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าอิเกียจะไม่ใช่ดารา ศิลปิน หรือเซเลบฯ มาเป็นผู้แสดง หรือพรีเซ็นเตอร์” เขาบอกอย่างชัดเจน
ภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 6 เรื่องของอิเกีย สะท้อนผ่านครอบครัวชนชั้นกลาง 1 ครอบครัวที่มี พ่อ แม่ ลูก และญาติผู้ใหญ่ อยู่ด้วยกันในบ้าน 1 หลัง แต่ละคนมีลักษณะการใช้ชีวิต ความชอบที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ทุกคนทำก็คือพฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนไทย เช่นชอบแม่บ้านชอบซื้อรองเท้า ลูกเล่นของเล่นไม่ยอมเก็บ พ่อบ้านนอนไม่สบาย ย่าติดละคร
ทั้งหมดนี้อิเกียสามารถเข้าไปช่วย และแก้ปัญหาได้
การทำภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ อิเกียใช้ Monday Agency เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งบริษัทนี้วงตัวเองเป็นเอเยนซี่ยุคใหม่ มีผลงานต่อเนื่อง และมีลูกค้ารายใหญ่คือ ทรูมูฟ นมโฟร์โมสต์ เป็นบริษัทอันดับที่ 27 ของกลุ่ม WPP ถือว่าเป็นเอยนซี่ที่มีความคิดสร้างสรรค์แปลกๆ ในวงการ
ผู้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาก็คือ Mum Films ของสุธน เพ็ชรสุวรรณ ที่ถือว่าเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาที่ฮาที่สุดในยุคนี้ หากสินค้าใดต้องการฮากระจาย ต้องใช้บริการของรายนี้
ชื่อของ ม่ำ ฟิล์ม แม้แต่เจ้าของบริษัทยังบอกไว้ในเว็บไซต์เลยว่าเป็นบริษัทที่ถูกเรียกชื่อผิดมากที่สุดในประเทศไทย เพราะทุกคนเรียกว่า หม่ำ ฟิล์ม และคิดว่าเป็นบริษัทของ หม่ำ จ๊กม๊ก ดาวตลกชื่อดัง
ทั้ง 2 บริษัทนี้อิเกียเป็นผู้เลือกเอง ซึ่งดูจากบุคลิกและการทำงานแล้ว เป็นไปในทิศทางเดียวกับอิเกีย ที่ต้องการความโดดเด่นของ Brand แต่เข้ากับความเป็นคนไทย ซึ่งความต้องการส่วนนี้เอเยนซี่ต่างประเทศอาจไม่ลึกซึ้งเท่าบริษัทในท้องถิ่น
ทีมงานของอิเกียเล่าให้ฟังว่า ให้โจทย์กับทางเยนซี่ไปเพื่อเสนอแนวคิดกลับมาให้ดูว่าตรงกับความต้องการหรือไม่ และคำตอบก็คือสิ่งที่ได้มาต้องรื้อทิ้งทั้งหมด เพราะไม่สามารถสร้างความต่าง และไม่สื่อสารถึงความเป็นอิเกียได้อย่างตรงไป ตรงมา
ทีมงานของอิเกีย 3 คนจึงลงมือคิดและระดมความคิดกันเพื่อวางคอนเซ็ปต์ภาพยนตร์โฆษณาใหม่ ซึ่งก็คือ 6 เรื่องที่นำเสนออยู่ในช่วงนี้
การถ่ายทำทุกขั้นตอนจนภาพยนตร์โฆษณแล้วเสร็จคือ 3 สัปดาห์ ใช้ผู้แสดงชุดเดียวกันทั้ง 6 เรื่อง ถ่ายทำในบ้านหลังเดียว กับที่อิเกีย บางนา
แนวคิดหลักของภายนตร์โฆษณาทั้ง 6 เรื่องคือ การทำบ้านให้เป็นบ้านด้วยสินค้าของอิเกีย และตอกย้ำว่าอิเกียเปิดวันที่ 3 พ.ย.
อิเกียไม่ได้มีภาพยนตร์โฆษณาที่แสดงควาทยิ่งใหญ่ของสาขาที่บางนาว่าใหญ่โตแค่ไหน มีสินค้าอะไรมากมาย แต่อิเกียหยิบสินค้าที่เข้ากับคนไทยและคนทั่วไปเช่นตู้ใส่รองเท้า เตียงนอน โซฟา กรอบรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเห็นและใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
การทำภาพยนตร์โฆษณาก็สอดคล้องกับ Mocumentary 2 เรื่องก่อนหน้านี้ที่ให้ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ปีที่ 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในชื่อทีม Nine Lives เป็นผู้จัดทำ
ทีม Nine Lives ลงมือถ่ายทำสารคดีเปิดตัวให้อิเกีย ด้วยการเปลี่ยนวินมอเตอร์ไซค์ที่ดูรกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบ ด้วยการใส่เฟอร์นิเจอร์เช่นโซฟา ชั้นวางหมวกกันน็อก โคมไฟ ใช้เฟอร์นิเจอร์ของอิเกียทั้งหมด และดูเหมือนห้องนั่งเล่นในบ้าน ส่วนร้านข้าวแกง ก็เข้าไปเปลี่ยนโต๊ะเก้าอี้ การตกแต่งจากร้านเพิงธรรมดา กลายเป็นร้านอาหารริมถนนที่มีโต๊ะกินข้าวที่สวยงาม เทียบเท่าร้านอาหารติดแอร์
ทั้ง 2 ที่นี่ไม่มีการติดป้าย หรือขึ้นข้อความ สัญลักษณ์ ที่สื่อถึงแบรนด์อิเกียแม้แต่ชิ้นเดียว
ทีมงานใช้เวลาในการผลิต Mocumentary จำนวน 3 วัน ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 3,000 บาท
ทั้งหมดเป็นไปตามแนวคิด Minimalism
cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>
6 เรื่องของอิเกีย
style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>ชื่อเรื่อง
style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>สินค้า
style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>1.Ukulele
style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>2.Shopaholic
style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>3.Soap
opera
style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>4.Halloween
style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>5.Grandfather
style=”vertical-align: top; text-align: left; font-weight: bold;”>6.Toy
