“จีน” กำลังพิจารณาให้ “หญิงโสด” ทำ IVF ถูกกฎหมาย สนับสนุน “ซิงเกิลมัม” แก้ปัญหาประชากรลด

หญิงโสด จีน
(Photo: Shutterstock)
ประเทศ “จีน” กำลังประสบปัญหาประชากรลดลง เพราะสาวจีนยุคใหม่ไม่นิยมแต่งงาน ทำให้รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหา โดยหนึ่งในนโยบายที่กำลังพิจารณาคือ อนุญาตให้ “หญิงโสด” เป็น “ซิงเกิลมัม” ผ่านการทำ IVF (เด็กหลอดแก้ว) กระตุ้นกลุ่มผู้หญิงที่มีรายได้ดี พร้อมมีบุตร แต่ไม่ต้องการมีสามี

ประเทศจีนเผชิญปัญหาประชากรลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ทศวรรษ ซึ่งจะทำให้สังคมกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ที่ผ่านมารัฐบาลเริ่มระดมทุกนโยบายมาแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อกให้หนึ่งครอบครัวมีลูกได้ 2-3 คน (จากเดิมจีนเคยมีนโยบาย “ลูกคนเดียว” มาตลอด) หรือให้โควตาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพิ่มเมื่อมีบุตรเพิ่ม เป็นต้น

อีกหนึ่งนโยบายที่ที่ปรึกษาทางการเมืองของรัฐบาลให้คำแนะนำไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2023 คือพิจารณาอนุญาตให้ “หญิงโสด” สามารถเข้าถึงบริการ IVF (เด็กหลอดแก้ว) และการฝากไข่ได้อย่างถูกกฎหมาย เพราะในปัจจุบัน จีนอนุญาตเฉพาะคู่สมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นที่จะฝากไข่และทำ IVF ได้

หากนโยบายนี้ได้รับการสนับสนุน ก็จะจูงใจให้กลุ่มผู้หญิงที่ไม่ต้องการมีสามี ไม่พบสามีที่มองว่าเหมาะสมกับตนเอง หรือหย่าจากสามี แต่พร้อมที่จะมีลูกด้วยสถานะทางการเงินของตนเองสามารถเลี้ยงดูได้ พวกเธออาจใช้วิธีทำ IVF เพื่อเป็น “ซิงเกิลมัม” หรือแม่เลี้ยงเดี่ยว ช่วยแก้ปัญหาประชากรจีนลดลงได้อีกทางหนึ่ง

(Photo : Shutterstock)

ปัญหาประชากรจีนลดลงขณะนี้มาจากหลายปัจจัย ในช่วงที่จีนยังใช้นโยบายลูกคนเดียวนั้นทำให้หลายครอบครัวมี “ลูกสาว” เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียว พวกเธอหลายคนเรียนจบสูง หารายได้ได้สูง และเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำให้ถ้าไม่พบชายที่มีสถานะเท่าเทียมกันหรือสูงกว่า พวกเธอมักจะไม่ตกลงแต่งงาน

แม้แต่ในคู่ที่แต่งงานกันแล้ว ก็ยังมีปัจจัยลบข้อต่อๆ มาที่ทำให้ไม่พร้อมมีลูก เช่น ค่าเล่าเรียนแพง ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรสูงขึ้น เมื่อกังวลเรื่องการเงินในครัวเรือน จึงทำให้หลายคู่ชะลอการมีลูกออกไปก่อน จนเมื่อพร้อมจะมีบุตรก็มักจะอยู่ในวัยที่มีบุตรยากเสียแล้ว

แนวคิดการสนับสนุน “ซิงเกิลมัม” ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในสังคมจีนเช่นกัน เพราะการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในจีนมักจะถูกตัดสินตีตราจากคนรอบข้าง ทำให้หญิงโสดที่จะเลือกเดินเส้นทางนี้อาจจะมีไม่มาก

แต่ไม่ว่านโยบายนี้จะได้รับการอนุมัติหรือไม่ คลินิก IVF จะเป็นธุรกิจที่เติบโตในจีนอย่างแน่นอน และได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการด้านสุขภาพระดับชาติของจีน (NHC) โดยปัจจุบันคลินิก IVF ทั้งของรัฐและเอกชนมีอยู่ 539 แห่งในจีน ทาง NHC ระบุว่าจะดันให้มีคลินิกเพิ่มขึ้นเป็น 600 แห่งภายในปี 2025 หรืออัตราส่วนเท่ากับ 1 แห่งต่อประชากร 2.3 ล้านคน

นอกจากคลินิกในประเทศแล้ว ชาวจีนยังนิยมเดินทางไปทำ IVF ในต่างประเทศด้วย เพราะสามารถเลือกเพศของลูกและคัดยีนได้ด้วย ต่างจากในจีนที่กฎหมายไม่อนุญาตให้คัดเลือกเพศ

ประเทศที่ชาวจีนนิยมเดินทางไปทำ IVF ก็ไม่ใกล้ไม่ไกล นิยมบินมาที่ประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์นี่เอง

Source