ด้วยนโยบายของประเทศอินเดีย ที่ต้องการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ในประเทศก่อนแทนที่จะพิจารณาการลดหย่อยภาษีสำหรับนำเข้ารถยนต์ ส่งผลให้ เทสลา (Tesla) ยังไม่สามารถรุกตลาดอินเดียได้ เนื่องจากการเจรจาเพื่อที่จะลดภาษีนั้นไม่เป็นผลสำเร็จ แต่ล่าสุด อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เจ้าของเทสลา ก็ประกาศว่าจะลงทุนในอินเดียให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ย้อนไปปี 2560 อีลอน มัสก์ ต้องการที่จะบุกตลาด อินเดีย แต่แผนดังกล่าวต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากการเจรจาลดภาษีนำเข้ากับรัฐบาลนั้นไม่เป็นผล โดยมัสก์ระบุว่า “ภาษีนำเข้าของอินเดียนั้นสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับประเทศขนาดใหญ่”
แต่ล่าสุด หลังจากที่ มัสก์ ได้ประชุมกับ นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีของอินเดียในนิวยอร์ก มัสก์ก็ได้เปิดเผยว่า เทสลากำลังมองหาการลงทุนในอินเดีย โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเขามีแผนที่จะไปเยือนอินเดียในปีหน้า และเขาหวังว่าจะนำบริการ Starlink ที่เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมมาสู่อินเดีย
“โมดิเขาพยายามผลักดันให้เราลงทุนจำนวนมากในอินเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตั้งใจจะทำ เรากำลังพยายามหาจังหวะที่เหมาะสม ผมมั่นใจว่าเทสลาจะอยู่ในอินเดียและจะทำโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” มัสก์ กล่าว
มัสก์ กล่าวต่อว่า ภายใต้การทำงานของ โมดิ ทำให้อินเดียเปิดกว้างมากขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศ และเขาก็ตื่นเต้นมากเกี่ยวกับอนาคตของอินเดียจากนี้ โดยอินเดียถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านพลังงานที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ แบตเตอรี่ และยานยนต์ไฟฟ้า
ปัจจุบัน เทสลามีโรงงานขนาดใหญ่หนึ่งแห่งในเอเชียโดยตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นโรงงานใผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของเทสลานอกจากสหรัฐอเมริกา และคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการส่งมอบทั่วโลกของเทสลาในปี 2565 โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา มัสก์ได้เปิดเผยว่า เทสลากำลังมีแผนจะสร้างโรงงานแห่งใหม่ภายในสิ้นปีนี้ และอินเดียก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ จีน และ อินเดีย พยายามดึงดูดการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกและกระตุ้นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยไม่นานมานี้ จีนเพิ่งประกาศว่าจะ ขยายเวลาลดหย่อนภาษีสำหรับผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์พลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด จนถึงปี 2570 ซึ่งนับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดที่จะกระตุ้นยอดขายและการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยนับตั้งแต่ปี 2560-2567 นโยบายการลดหย่อนภาษีดังกล่าว คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 5.20 แสนล้านหยวน