กสิกรไทยมองความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง ส่งออกเสี่ยงถดถอย หนี้ครัวเรือน ภัยแล้ง ตั้งรัฐบาลใหม่

ตู้คอนเทนเนอร์
(Photo by Stephen Chernin/Getty Images)
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังของปี 2023 โดยมองการส่งออกของไทยเสี่ยงถดถอย หนี้ครัวเรือนที่สูง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมถึงปัญหาภัยแล้งที่ไม่ได้กระทบเพียงแค่ภาคการเกษตรเท่านั้น อย่างไรก็ดียังมองว่า GDP ไทยในปีนี้ยังโตได้ 3.7%

ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จะเห็นภาพการขยายตัวที่ดีกว่าครึ่งปีแรก โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 28.5 ล้านคน โดยยังคาดว่า GDP ไทยจะเติบโตได้ 3.7%

ในขณะเดียวกันก็ยังได้ปรับตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยหลายตัวเลข เช่น อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.25%

อย่างไรก็ดีศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีความท้าทายหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังจากนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนั้นจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นอกจากนี้ยังรวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนด้วย แต่ถ้าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้ก็อาจเป็นแรงบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้ได้

ความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

ผู้บริหารของศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าจีนเริ่มฟื้นตัวได้อ่อนแรงลง เห็นสัญญาณหดตัวของภาคการผลิต นอกจากนี้ประชาชนไม่ได้จับจ่ายใช้สอยมากกว่าเดิม จีนถือเป็นตลาดส่งออกหลัก หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาในอาเซียนซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย

อย่างไรก็ดีศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าภาคการส่งออกของไทยจะส่งออกไปยังจีนเติบโตได้ 3.4% ในปีนี้ แต่ถ้าหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวจะส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทยโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการอุปโภค และมองว่าความเสี่ยงดังกล่าวจะฉุดภาคการส่งออกอาจแย่กว่าคาดนั้นเป็นไปได้

ขณะเดียวกันณัฐพรมองว่า ถ้าหาก GDP จีนไม่ได้โตถึง 5% อาจกระทบกับ GDP ไทยได้ 0.3% ซึ่งกระทบกับปัจจัยคือในเรื่องของการส่งออก ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมนั้นจะส่งผลกระทบกับหลายประเทศในอาเซียนซึ่งเป็นคู่ค้ากับจีน และส่งผลกลับมายังไทยเนื่องจากมีคู่ค้ากับหลายประเทศในอาเซียน นอกจากนี้ยังรวมถึงภาคการท่องเที่ยวอีกด้วย

ผู้บริหารของศูนย์วิจัยกสิกรไทย (จากซ้ายไปขวา) ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล, ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล, บุรินทร์ อดุลวัฒนะ, เกวลิน หวังพิชญสุข

ภัยแล้งและเอลนีโญที่อาจกระทบไทยหลังจากนี้

เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า นอกจากภัยแล้งจะส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรแล้วนั้น ปรากฏการณ์เอลนีโญรอบนี้ อาจกดดันภาคการผลิตและบริการที่ใช้น้ำในสัดส่วนสูง เช่น การผลิตอาหาร การผลิตอโลหะ หรือแม้แต่โรงพยาบาล รวมถึงโรงแรม

ความเสี่ยงของภาคต่างๆ ที่อาจได้รับผลดังกล่าวคือภาคกลาง และภาคตะวันออก ที่มีมีปริมาณเก็บกักน้ำน้อย ขณะเดียวกันตามภาคต่างๆ ของไทยยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ฝนตกน้อยกว่าคาดได้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงของภาคธุรกิจไทยที่ใช้ปริมาณน้ำจำนวนมาก

มองว่าภาคการเกษตรอาจมีความสูญเสียมากถึง 48,000 ล้านบาท คาดว่าผลที่จะได้เห็นจากปรากฏการณ์เอลนีโญคือไตรมาส 4 ของปีนี้

หนี้ครัวเรือนยังกดดัน

ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้กล่าวถึงเรื่องหนี้ครัวเรือนของไทยที่เพิ่มมากขึ้น โดยในไตรมาส 1 ของปี 2023 ระดับหนี้ครัวเรือนของไทยสูงถึง 90.6% ของ GDP ไทย ซึ่งปัญหาดังกล่าวกดดันเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดกาารณ์ว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนในช่วงสิ้นปี 2023 จะอยู่ในกรอบประมาณ 88.5 ถึง 91.0% อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าระดับที่ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) มองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อได้โดยไม่สะดุดภายในอีก 5 ปีข้างหน้านี้

ขณะเดียวกันศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ามาตรการจากธนาคารแห่งประเทศไทยจะทำให้หนี้ใหม่โตช้าลง และหนี้เก่าลดลงเร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการใช้คลินิกแก้หน้ี ไปจนถึงการปรับโครงสร้างหนี้

ในส่วนของหนี้ครู หรือ หนี้ของข้าราชการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าคิดเป็นสัดส่วนถึง 10% ของยอดหนี้ครัวเรือนไทยทั้งหมด ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย ไปจนถึงกระทรวงต่างๆ ก็ควรจะมีการยกประเด็นดังกล่าวมาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

นอกจากนี้ธัญญลักษณ์ยังมองหลายปัจจัยที่จะทำให้หนี้ต่อครัวเรือนลดลงคือเรื่องของรายได้ของครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น ไปจนถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะต้องดีกว่า 5.5% ภายใน 5 ปี ถึงจะทำให้อัตราส่วนหนี้ของครัวเรือนลงมาแตะที่ 80% ได้ ซึ่งเป็นโจทย์ของรัฐบาลใหม่หลังจากนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังประเมินว่าในกรณีที่แย่ที่สุดเศรษฐกิจไทยอาจเติบโตได้เพียง 2.5% เท่านั้นในปีนี้