ในปีที่ผ่านมาเทคโนโลยียังคงขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ใจกลางการหมุนไปของเทคโนโลยีนั้นคือ อำนาจของการส่งต่อข้อมูลระหว่างกันของผู้ใช้ และอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้เทคโนโลยีมีชีวิต ทำให้ออนไลน์ยังเป็นใจกลางของโลกดิจิตอลที่ยังขับเคลื่อนเม็ดเงินมหาศาล ช่องทางการตลาดดิจิตอลยังคงเนื้อหอมอย่างต่อเนื่อง และการโฆษณาสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้านักการตลาดนำประโยชน์เทคโนโลยีมาใช้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ลองมาดูว่าจากปีที่ผ่านมามีแนวโน้มเทรนด์ไหนที่เราต้องรู้กันบ้างครับ
AR Augmented Reality 2.0
AR เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ใช้ได้ตื่นตาตื่นใจกับโลกเสมือนจริงที่สร้างประสบการณ์และวาดจินตนาการที่เป็นไปไม่ได้ มาจำลองให้เกิดขึ้นจริงได้ สร้างการเปลี่ยนแปลงในการนำมาประยุกต์ใช้กับการสร้างประสบการณ์ให้กับแบรนด์สินค้า และการโฆษณาแบบ Interactive ในหลายๆ รูปแบบ เทคโนโลยีนี้อาจสังเกตง่ายๆ ได้จาก กรอบสี่เหลี่ยมสีขาวดำ หรือ Marker ที่จำเป็นต้องใช้ในการอ่านค่าอ้างอิงเพื่อใช้งาน AR
แต่สำหรับเทรนด์ใหม่ของ AR น่าจะเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคของAR 2.0 ที่ผมเรียกว่าเป็นยุค 2.0 เนื่องด้วยความฉลาดของ AR ที่เข้าสู่ยุคที่ไร้ซึ่ง Marker ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของความยุ่งยากในการใช้งาน
ARแบบใหม่จะมีความฉลาดขึ้นในการจดจำผลิตภัณฑ์สินค้า ลักษณะทางกายภาพเบื้องต้นรูปร่างหน้าตาของผลิตภัณฑ์ ลักษณะพื้นสีและสัญลักษณ์ การจดจำลักษณะต่างๆ เหล่านี้เองจะทำให้เครื่องมือชิ้นนี้จะถูกนำมาใช้ในการสร้างประสบการณ์กับสินค้าโดยตรงผ่าน Digital Device ต่างๆ ได้ทันที อีกส่วนหนึ่งที่จะเสริมให้ตื่นตาตื่นใจมากขึ้นก็คือ Natural Control การควบคุมการทำงานโดยใช้ร่างกายเป็นตัวควบคุม เมื่อผนวกรวมกับ AR แล้วก็จะทำให้เป็นเครื่องมือที่พลาดไม่ได้ในการมาประยุกต์ในการทำการตลาดด้วยเครื่องมือดิจิตอลครับ เราสามารถประยุกต์นำไปใช้ทำการตลาดได้หลากหลายรูปแบบ สามารถเล่นเกมบน Packaging หรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ Interactive ได้ทันที (ใส่ QR Video)
เว็บทีวี ช่องว่างที่สดใส
YouTube ทำให้ Viral Video กลายเป็นเครื่องมือที่เนื้อหอม สร้างรายได้ และสร้างโอกาสให้กับนักสร้างสรรค์วิดีโอมากมายทั่วโลก และจำนวนวิดีโอที่มีมากมายมหาศาลก็สร้างความยากให้กับนักการตลาดเช่นกัน ในการจะใช้ Viral Marketing เป็นตัวขับเคลื่อนแผนการโปรโมตสินค้าทางการตลาดผ่านวิดีโอ
จากการประชุมเรื่องOnline Video Advertising ของComscoreได้เปิดประเด็นช่องว่างที่น่าสนใจของการโฆษณาบนOnline Video ไว้ครับ โดยได้แสดงให้เห็นช่องว่าง ในยุคที่ UGC หรือ User Generated Content สร้างวิดีโอขึ้นมากมายผ่าน YouTube แต่ Video เหล่านี้เต็มไปด้วยคุณภาพที่แสนแย่ งบประมาณในการสร้างสรรค์ที่ต่ำContent ที่ไม่มีคุณภาพและมีจำนวนมากเกินไป นั่นจึงทำให้อีกฟากหนึ่งของ Online Video ก็ยังเติบโตอย่างสดใส นั่นคือ กลุ่ม Online Video ที่อยู่ในสถานะ Premium ผู้บริโภคจำเป็นต้องเสียเงินเพื่อชมวิดีโอเหล่านี้ ซึ่งมีคุณภาพ งบประมาณในการสร้างสรรค์ที่สูง มีความน่าสนใจ และมีคุณภาพของเนื้อหาอย่างHulu หรือNetflix ที่ผู้ชมยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อได้ชม Content ที่มีคุณภาพตามต้องการ
ฟากของUGC กับPremium Content จึงมีช่องว่างที่น่าสนใจให้กับผู้เล่นอีกกลุ่มคือ กลุ่ม WebTV รายการ TV Internet บนอินเทอร์เน็ตที่มี Content น่าสนใจและคุณภาพของการถ่ายทำที่ได้คุณภาพ และฟรี จึงเป็นกลุ่มที่กำลังเติบโตอย่างตัวเนื่อง มีรายการชื่อดังที่กำลังเนื้อหอมจากสินค้าเพื่อจะลงโฆษณาและ Tie-in และมีผู้ติดตามจำนวนมากๆ อย่างHeavy, for your imagination, hi, next new networks เป็นต้น
Location-Base Content
ธุรกิจไหนไม่มี Location-Base Content อาจจะตกยุค และเสียโอกาสให้คู่แข่งช่วงชิงลูกค้าไปอย่างไม่รู้ตัวได้ครับLocation-Based Service กำลังจะเข้าสู่ Mainstreamเต็มตัวผู้ใช้ Smart Phoneเกือบทั้งหมดเคยใช้บริการประเภทนี้ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว แต่หลายๆ คนที่ใช้ ต้องบอกว่าในยามที่ต้องการข้อมูล สถานที่หรือการตัดสินใจซื้อ LBS เป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดที่จะหาได้ในมือ ในเมื่อผู้ใช้สามารถเข้าถึง LBS ได้ แบรนด์และธุรกิจท้องถิ่นจึงต้องถามตัวเองว่า เรามี Content นำเสนอข้อมูลธุรกิจและสินค้าไปยังผู้บริโภคบน LBS แล้วหรือยัง
LBS กำลังจะกลายเป็นรูปแบบใหม่ของการโฆษณา ณ จุดขาย Point of Purchase ที่อยู่ในรูปแบบออนไลน์ที่กำลังกลายเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจสำคัญที่นำไปสู่การซื้อได้ LBS Content จึงสำคัญมากธุรกิจที่จะละเลยโอกาสนี้ไปไม่ได้ และจะส่งผลให้การแข่งขันเรื่องการสร้าง LBS Content ร้อนแรงขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในประเทศไทยที่กำลังพยายามขับเคลื่อนให้ผู้ใช้รีวิวร้านค้า บริการของตัวเองผ่านเว็บไซต์ ชั้นนำ รวมถึง Tips คำแนะนำต่างๆ บน GeoSocial
Next Social Commerce
Deal สุดพิเศษกลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าน่าลงทุนในปีที่ผ่านมา เมื่อการคาดการการเติบโตธุรกิจประเภทดีล โดยนิตยสาร Ad Week Social Commerce ได้คาดการณ์ว่า ธุรกิจDeal เหล่านี้เติบโตมีรายได้ถึง 200,000 ล้านเหรียญฟังดูมีมูลค่าที่ดีในการลงทุน แต่ในทางกลับกัน เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่ผู้ใช้จำนวนมากเริ่มสนใจการซื้อดีลลดลง ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ลดลง เว็บไซต์ Groupon.com ที่เคยมียอดการเข้าชมจำนวน 33 ล้านคนในเดือน มิถุนายน (Unique Visitors) ลดลงเหลือ 15 ล้านคน ในเดือนกันยายน ตัวเลขลดลงมากกว่าครึ่ง เหตุผลอาจเป็นเพราะการลดโฆษณาลง อีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นสัญญาณของธรกิจดีลที่อิ่มตัว การสร้างอัตราการเติบโตของธุรกิจจึงต้องมุ่งไปที่การขยายฐานไปยังประเทศและท้องถิ่นต่างๆ เพิ่มขึ้น
ประสบการณ์ในการซื้อดีล จากลูกค้าเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมในการเป็นผู้ซื้อกลายเป็นผู้เฝ้า/ล่าซื้อสินค้าบริการลดราคา ซึ่งไม่ Loyalty กับแบรนด์ใด และในมุมของธุรกิจเองก็อาจจะไม่ได้ฐานลูกค้าที่แท้จริงเท่าไหร่นัก นั่นทำให้ธุรกิจท้องถิ่นต้องเริ่มคิดมากขึ้นเมื่อจะใช้ Social Commerce ในการทำการตลาด เพราะครั้งแรกอาจจะเห็นผลที่ดีแต่ครั้งที่สองอาจจะเหมือนเดิม อีกส่วนหนึ่งที่นักคาดการคาดว่าจะเห็นมากขึ้น คือการนำ F-Credit สกุลเงินของFacebook มาช่วยในการเพิ่มยอดขายในการทำ e-commerce บน Facebook เอง หรือ นำไปใช้กับกิจกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์
โฆษณาที่ฉลาดขึ้น
เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ในปีนี้ถูกยึดครองด้วยการโฆษณาผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีมากกว่าครึ่ง ทำให้ Facebook ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีรายได้จากการโฆษณาสูงสุดบนออนไลน์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วงชิงเม็ดเงินการโฆษณาผ่านเว็บไซต์ชั้นนำไปเป็นจำนวนมาก รองลงมาคือการโฆษณาผ่านระบบ Search Engine อย่าง Google ก็ยังเป็นที่นิยมเนื่องด้วยความสามารถที่โดดเด่นในการแสดงโฆษณาผ่าน Keywords ที่ผู้ใช้ค้นหาในคำที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังสามารถแสดงโฆษณาในเว็บเครือข่ายพันธมิตร ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับโฆษณาได้
ในด้านของโฆษณา ประเภท Display หรือ Banner นั้นก็มีการปรับตัวเช่นกันครับ นั่นคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาสู่ความสามารถในการสื่อสารโฆษณาที่ฉลาดขึ้นมากกว่าเดิม โฆษณารูปแบบเดิมในรูปแบบ Banner Display นั้นจะสามารถทราบถึงรายละเอียดของผู้ชม ถึงความชอบส่วนตัว ประวัติการเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อประมวลผล ข้อความโฆษณาที่เหมาะกับผู้ชมนั้นๆ เช่น ถ้าคุณเป็นแม่บ้านก็มีข้อความที่เกี่ยวข้องความเป็นแม่บ้านขึ้นมา หรือนักธุรกิจอาจจะมีข้อความที่นักธุรกิจน่าสนใจ นั่นหมายถึงคุณจะมีโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นบนมือถือหรือบนเว็บไซต์ ถ้าโฆษณาสามารถรู้ได้ว่าคนที่จะเข้าชมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
ส่วนหนึ่งของเทรนด์ที่ผมพอจะรวบรวมได้ส่วนหนึ่งจากการพูดคุยบุคคลในวงการดิจิตอล และจากบทสัมภาษณ์ของนักคาดการณ์หลายๆ ท่าน เครื่องมือดิจิตอล มันความสามารถที่ฉลาดขึ้น เหลือแค่ว่าเราจะใช้เครื่องฉลาดๆ อย่างชาญฉลาดได้อย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องทำการบ้านมากกว่า ขอให้สนุกสุขสันต์วันปีใหม่ครับ