ต่อให้เศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ดีแค่ไหน แต่กลุ่มเศรษฐีก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ซึ่งสิ่งที่สะท้อนได้เป็นอย่างดีก็คือ การเติบโตของแบรนด์เนมหรู โดยเฉพาะเครือของ LVMH ที่ผลประกอบการครึ่งปีแรกสามารถเติบโตได้ถึง 17%
LVMH เครือลักชัวรีอันดับหนึ่งของโลก ที่มีแบรนด์ในมือ อาทิ Louis Vuitton, Christian Dior Couture, Fendi ได้เปิดเผยผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรก โดยมีรายได้อยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านยูโร (ราว 1.5 ล้านบ้านบาท) เติบโต +17% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 8.48 พันล้านยูโร (ราว 3.2 แสนล้านบาท) เติบโต +30%
สำหรับหมวดหมู่ที่มีการเติบโตมากที่สุด ได้แก่ ร้านค้ารีเทลเฉพาะกลุ่ม (Selective Retailing) อย่าง Sephora ที่รายได้เติบโต +26% ส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจแฟชั่นและเครื่องหนังมีรายได้เพิ่มขึ้น +17% เป็น 2.12 หมื่นล้านยูโร โดยมีเพียงธุรกิจ ไวน์และสุรา เท่านั้นที่มีผลประกอบการที่ลดลงประมาณ -4%
หนึ่งในภูมิภาคสำคัญที่สร้างการเติบโตให้กับเครือ LVMH ก็คือ เอเชีย และ ยุโรป โดยยอดขายในเอเชียเพิ่มขึ้น +23% ในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนตลาดยุโรปก็มีการเติบโต 2 หลัก ขณะที่ตลาด สหรัฐอเมริกา มีการเติบโตเพียง +3% โดยในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ยอดขายในตลาดอเมริกาลดลง -1%
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ผู้บริหารระดับสูงของ LVMH ยังเชื่อมั่นว่า ภาพรวมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะยังไปได้สวย โดยมองว่าตลาด จีน จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโต และจีนจะมาช่วยอุดรายได้จากสหรัฐอเมริกาที่ลดลง
“ปีที่แล้วเราชะลอตัวในตลาดจีน แต่เราได้ตลาดสหรัฐอเมริกามาช่วย แต่ปีนี้ค่อนข้างตรงกันข้าม” Jean-Jacques Guiony ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LVMH กล่าว
ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) คิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดขายของ LVMH ส่วน สหรัฐอเมริกาคิดเป็น 24% และยุโรป 23%