ผลวิจัยได้ชี้ถึงการทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์เป็นเวลา 1 ปีนั้นพบว่าให้ผลดีต่อพนักงาน โดยลดอาการเบิร์นเอาต์ ขณะเดียวกันก็สร้างผลดีให้กับบริษัท ซึ่งเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทมากถึง 15% ด้วย ซึ่งหลายบริษัทเองก็ไม่ต้องการที่จะกลับไปให้พนักงานทำงาน 5 วันแล้วด้วย
ผลวิจัยจาก 4 Day Week Global ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ได้ออกผลวิจัยชี้ถึงผลดีของการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ หลังจากที่องค์กรดังกล่าวได้เริ่มการทดลองในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นระยะเวลา 12 เดือน และพบข้อดีทั้งในเรื่องของร่างกายและจิดใจของพนักงานเป็นอย่างมาก
ผลวิจัยที่ได้จาก 41 บริษัทพบว่าระยะการทำงานของพนักงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุดอยู่น้อยกว่า 33 ชั่วโมงจากเดิมนั้นมากกว่า 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งใกล้แตะเป้าหมายที่ 32 ชั่วโมง หรือ 4 วันต่อสัปดาห์ ถ้าหากคิดการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
95% ของพนักงานที่เข้าร่วมนั้นมองว่าอยากให้มีการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์หลังจากนี้ 69% ของจำนวนพนักงานที่ได้เข้าร่วมการทดลองดังกล่าวพบว่าการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ลดปัญหาการเบิร์นเอาต์
ขณะเดียวกันบริษัทที่ได้ทำการทดลองการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์นั้นไม่มีบริษัทใดเลยที่จะหันกลับไปทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ โดยบริษัทต่างๆ ให้คะแนนในการทดลองดังกล่าวมากถึง 8.7 จากคะแนนเต็ม 10 นอกจากนี้ในการทดลองยังเห็นรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 15% อีกด้วย
โดยรายงานดังกล่าวได้เปิดเผยมาแล้วหลังจากได้ทดลองมาเป็นระยะเวลา 6 เดือน และบริษัทที่เข้าร่วมการทดลองนั้นมีรายได้เพิ่มมากขึ้นเฉลี่ย 8% ด้วย
นักวิจัยให้เหตุผลว่าการลดเวลาลงนั้นมาจากบริษัทต่างๆ ได้หาวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะพึ่งพาการเพิ่มความเข้มข้นในการทำงานของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น การประหยัดเวลาจากการประชุม การสื่อสารที่คล่องตัวขึ้น และบรรยากาศของสำนักงานทำงานที่ทำให้พนักงานมีสมาธิมากขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีต่อการทำงานของพนักงาน
นอกจากนี้ผลการทดลองทำงาน 4 วันนั้นยังชี้ว่าส่งผลทำให้พนักงานลาออกน้อยลง ส่งผลในการเก็บพนักงานที่ดีในองค์กรได้อีกด้วย อย่างไรก็ดีถ้าผลวิจัยที่ได้ถามพนักงานว่าถ้าหากกลับไปทำงาน 5 วันส่วนใหญ่นั้นตอบว่าจะต้องมีการจ่ายเงินเพิ่มเติมให้กับพนักงานด้วย แต่พนักงานอีก 10% ชี้ถึงต่อให้จ่ายเงินเพิ่มก็ไม่ทำงานเพิ่มเป็น 5 วันอยู่ดี