พาร์ทเนอร์ร่วมทุน “วัน ออริจิ้น” และ “โนมูระ” เปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสสร้างเสร็จใหม่ “วัน ออริจิ้น สุขุมวิท 24” ประกบโรงแรม–เซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์แบรนด์ “สเตย์บริดจ์” จาก IHG เข้ากับคอมมูนิตี้มอลล์ “เนเบอร์” ดึงซูเปอร์ฯ “UFM Fuji” เป็นแม่เหล็กเอาใจลูกค้าเป้าหมาย expat “ญี่ปุ่น”
ความร่วมมือระหว่าง “ออริจิ้น” กับทุนญี่ปุ่น “โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์” นั้นมีการจอยต์เวนเจอร์กันมาต่อเนื่อง 23 โครงการในไทย โดยล่าสุดเป็นโครงการ “วัน ออริจิ้น สุขุมวิท 24” มิกซ์ยูสย่านพร้อมพงษ์ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมทำรายได้ให้กับบริษัท
มิกซ์ยูสแห่งนี้มีเนื้อที่ 3 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 แบ่งเป็นส่วนโรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ “สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท” จำนวนห้องพัก 411 ห้อง กับส่วนคอมมูนิตี้มอลล์สูง 8 ชั้น “เนเบอร์ 24” (Neighbor 24) พื้นที่เช่า 4,380 ตารางเมตร
“ปิติ จารุกำจร” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO แกนหลักจากออริจิ้นในการลงทุนโครงการนี้ ระบุว่าโครงการวางเป้าหมายเจาะกลุ่มชาว “ญี่ปุ่น” ที่มาทำงานในไทย (expat) โดยเฉพาะ ด้วยทำเลโครงการอยู่ในทำเลพร้อมพงษ์ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของชาวญี่ปุ่น
ตัวโรงแรมจะเน้นลูกค้าอาศัยระยะยาว (long stay) ลักษณะเป็นเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ 60% และเป็นโรงแรมทั่วไป (short stay) 40% โดยมีการออกแบบทั้งในห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางให้ตรงใจชาวญี่ปุ่น
ส่วนคอมมูนิตี้มอลล์ เนเบอร์ 24 มีแม่เหล็กสำคัญคือ ซูเปอร์มาร์เก็ต “UFM Fuji” มาเปิดสาขาที่ 5 ที่นี่ รวมถึงมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร จากญี่ปุ่นเข้ามาทั้งหมด เช่น ร้านกาแฟ Café Kaldi, ร้านทงคัตสึ โคเซกิ มาเปิดสาขาที่ 2 ต่อจากสาขาไอคอนสยาม, ร้านโดรายะ ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังจากฮ่องกง เข้ามาในไทยเป็นสาขาแรก
ออกแบบโดยคน “ญี่ปุ่น”
ด้าน “นาโอมิ เอนโดะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนมุระ เรียล เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่า ทางบริษัทมีความรู้ความเข้าใจถึงความต้องการของคนญี่ปุ่น และจากการวิเคราะห์ตลาดโรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ในย่านพร้อมพงษ์-ทองหล่อ ทำให้เห็นว่าแม้จะมีคู่แข่งมาก แต่สเตย์บริดจ์ยังสร้างความแตกต่างได้
โดยกุญแจหลักที่จะสร้างความนิยมในหมู่คนญี่ปุ่น คือ “เลย์เอาต์และการออกแบบห้อง” จะต้องเน้นพื้นที่ห้องนั่งเล่นมากกว่าห้องนอน เน้นที่เก็บของมาก มีอ่างอาบน้ำ มีฝาสุขภัณฑ์อัตโนมัติ (washlet) มีโต๊ะทำงาน และมีระเบียง
รวมถึง “ส่วนกลาง” ของตึกที่จะช่วยส่งเสริมความนิยมในสเตย์บริจ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท คือการมี “อนเซ็น” กว้างและเพดานสูงแบบญี่ปุ่น มีห้อง “Golf Simulator” เพราะคนญี่ปุ่นชื่นชอบกีฬากอล์ฟอย่างมาก รวมถึงการเป็นมิกซ์ยูสที่มีซูเปอร์มาร์เก็ต UFM Fuji อยู่ใกล้ๆ จะเข้ากับไลฟ์สไตล์แม่บ้านญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้โครงการนี้มีอัตราการเข้าพักที่ดี ได้ลูกค้าตามเป้าหมาย
- ซอยขายเป็นตารางนิ้ว! “RealX” โทเคนลงทุนคอนโดฯ “พาร์ค ออริจิ้น” เหรียญละ 182 บาท
- บริษัทชั้นนำของ ‘ญี่ปุ่น’ ปรับ ‘ขึ้นเงินเดือนครั้งใหญ่’ ในรอบหลายสิบปี รับมือวิกฤต ‘เงินเฟ้อ’
มั่นใจดันราคาได้สูงกว่าตลาด
ปิติกล่าวต่อว่า สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท เริ่มเปิดซอฟต์ โอเพนนิ่งบางส่วนมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบว่าได้ผลตอบรับที่ดี ปัจจุบันมีอัตราการเช่าและเข้าพักเกิน 50%
เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะบริษัทเคยเปิดโครงการแรกมาก่อนในทำเลใกล้เคียง คือ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ ซึ่งเปิดเมื่อปี 2563 และใช้กลยุทธ์เดียวกันคือการเจาะกลุ่มชาวญี่ปุ่นพักในเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์จนโครงการดังกล่าวมีอัตราเข้าพักแตะ 80% การมีโครงการแรกมาก่อนทำให้มีฐานลูกค้าที่จองล่วงหน้าเพื่อเข้ามาเช่าในโครงการสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
ส่วนที่พักในโซนโรงแรมแบบพักระยะสั้นนั้น หวังลูกค้าหลักเป็นชาวญี่ปุ่นอีกเช่นกัน โดยเน้นเป็นกลุ่มเดินทางเชิงธุรกิจ (business trip) กลุ่มนี้จะต้องการที่พักแบบญี่ปุ่นเพื่อให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
ปัจจุบันสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท คิดราคาห้องพักแบบระยะสั้นที่ 4,000-4,500 บาทต่อคืน ส่วนค่าเช่าเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ คิดค่าเช่า 80,000-120,000 บาทต่อเดือน ปิติระบุว่าราคาทั้งพักระยะสั้นและระยะยาวถือว่าสูงกว่าตลาดเล็กน้อย แต่บริษัทมีความมั่นใจว่าการออกแบบทุกส่วนในโครงการจะถูกใจชาวญี่ปุ่นได้มากกว่า
“อัตราการเช่าเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ในย่านพร้อมพงษ์–ทองหล่อนั้นค่อนข้างแตกต่างกันมากในแต่ละตึก ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง 50-70% อัตราการเช่าจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชอบ ความใช่ เราต้องทำให้โครงการของเราชนะในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้ผู้เช่าบอกต่อได้” ปิติกล่าว