IMF แนะจีนเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ เน้นการบริโภคเพิ่มขึ้น แทนที่ลงทุนในภาคอสังหา-โครงสร้างพื้นฐาน

Photo : Shutterstock
กรรมการผู้จัดการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้แนะนำให้จีนเปลี่ยนโครงสร่้างเศรษฐกิจ โดยเน้นการบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น ทดแทนโมเดลเศรษฐกิจเดิมที่เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน หรือในอสังหาริมทรัพย์

Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าว Reuters ว่า เธอมีแผนที่จะกล่าวกับทางการจีนให้เปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจมาเน้นการบริโภคในประเทศ ทดแทนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหรือแม้แต่ในอสังหาริมทรัพย์

เธอได้กล่าวว่า คำแนะนำของ IMF สำหรับจีนคือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเติบโตของเศรษฐกิจไปสู่การบริโภคภายในประเทศมากขึ้น เนื่องจากโมเดลเศรษฐกิจเดิมที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานนั้นใช้เม็ดเงินมากขึ้น ขณะเดียวกันโมเดลดังกล่าวยังไม่เกิดประสิทธิผลในปัจจุบัน

สำหรับปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังสร้างความปวดหัวต่อรัฐบาลจีน เธอได้ให้มุมมองว่า จีนจะต้องจัดการกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในภาคอสังหาริมทรัพย์ แทนที่จะช่วยเหลือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหา เธอชี้ว่ารัฐบาลจีนควรจะจัดหาเงินทุนสำหรับการสร้างอพาร์ตเมนต์ที่ผู้ซื้อได้ชำระเงินไปแล้วซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ

ปัจจุบันภาคการลงทุนของจีนนั้นมีขนาดเกิน 40% ของ GDP จีน ขณะที่ภาคการบริโภคนั้นอยู่ที่ราวๆ 30% เท่านั้น แตกต่างกับประเทศที่พัฒนาแล้วที่เน้นการบริโภคมากกว่าการลงทุน โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาแม้เศรษฐกิจจีนเติบโตได้ถึง 6.3% แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหรือสินทรัพย์คงทนนั้นยังเติบโตต่อเนื่อง

กรรมการผู้จัดการของ IMF ยังกล่าวเสริมว่า “เราคาดการณ์ว่าหากไม่มีการปฏิรูปโครงสร้าง การเติบโตระยะกลางของเศรษฐกิจจีนอาจลดลงต่ำกว่า 4%”

ในประเด็นที่มีเม็ดเงินไหลออกจากจีน หรือแม้แต่การเพิ่มสัดส่วนภาคการผลิตของหลายบริษัทนอกประเทศจีนที่กำลังเป็นเทรนด์เพิ่มมากขึ้น เธอกล่าวว่า “มีการไหลออก (ของเม็ดเงินหรือกำลังการผลิต) บางส่วนจากจีน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ IMF ต้องติดตามอย่างระมัดระวังว่าจีนมีการพัฒนาอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป”

Kristalina ยังมองถึงข้อดีของประเทศจีนว่ามีบางด้านซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีสีเขียว (เช่น พลังงานสะอาด ฯลฯ) ที่ยังคงน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน

อย่างไรก็ดีเธอได้เตือนถึงเรื่องดังกล่าวสำหรับภาคการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าว่า “การผลักดันเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่ของจีนไม่ได้เกิดขึ้นโดยใช้เงินอุดหนุนในลักษณะที่สร้างการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม” หลังจากเรื่องดังกล่าวสหภาพยุโรปกำลังจะสอบสวนในประเด็นที่ว่าจีนใช้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่

ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา IMF ได้ออกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2023 นี้เติบโตได้ 5.2% ขณะที่ในปี 2024 คาดว่าจะเติบโตได้แค่ 4.5% แต่ IMF เองก็ได้เตือนว่าปัญหาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังก่อตัวในช่วงเวลานี้ อาจทำให้มีการปรับ GDP ของจีนลงมาได้